ข้อความต้นฉบับในหน้า
2 หลวงพ่อตอบปัญหา
พระภาวนาวิริยคุณ
อาการร้ายๆ ออกมา ตั้งแต่การกระทบกระแทก
แตกดัน ทำอะไรโครมคราม หรือมีอาการหน้านิ่ว
มวลโล่กัน เป็นต้น
คนที่มีนิสัยชอบอิจฉาริษยาผู้อื่น หรือคนที่
มีบุญน้อย แล้วไม่คิดจะทำบุญเพิ่มเติม แต่กลับ
ไม่คิดทำร้ายคนอื่น จึงมีอาการเช่นนี้
เมื่อความดีเก่าที่มีอยู่น้อยจนทำให้ใคร
เขาไม่ได้ แล้วความดีใหม่ก็ไม่คิดจะทำเพิ่ม ตรง
กันข้ามมีแต่จะเพิ่มความร้ายกาจ เพิ่มความบาป
เข้าไปทุกวันๆ ซึ่งก็เท่ากับเป็นการเผาผลาญ
เป็นการทำลายล้างตัวเองไปทุกวันๆ นี้คือผลเสีย
ต่อตัวเองของความที่เป็นคนขี้อิจฉาริษยา
เพราะฉะนั้น พวกเราอย่าได้เป็นเข้าทีเดียว
ถ้าครั้งใดใจคิดแวบไป ชักเริ่มจะอิจฉาชาวบ้านที่
เขาดังกว่าเรา เด่นกว่าเรา ดีกว่าเราขึ้นมาละก็
รับติดเบรกเสีย โดยเตือนตัวเองว่า ที่เรายังต้อง
ตกต่ำอยู่อย่างนี้ เพราะว่าชาติที่แล้ว รวมทั้ง
ชาตินี้ด้วย เราสั่งสมคุณงามความดีมาน้อยไป
เตือนตัวเองได้อย่างนี้ หนทางที่จะแก้ไข
ให้ดีก็มีมากขึ้น เพราะจับทิศทางถูกว่า เมื่อเรามี
บุญน้อย ก็ต้องหาวิธีเติมบุญ คือ ในเรื่องของ
การทํางาน ไม่ว่าจะเป็นงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบ
หมายมาจากหมู่คณะ จากครอบครัว หรืองาน
เลี้ยงชีวิตเราเองก็ตาม นอกจากทำให้สุดฝีมือแล้ว
ยังต้องปรับปรุงให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก
แต่ในกรณีที่ถึงจะปรับปรุงอย่างไรก็ยังสู้
ไม่ได้ อย่างนี้ต้องรีบเข้าไปกราบขอความรู้จากเขา
ซึ่งจะทำให้เราย่นระยะเวลาทั้งในการปรับปรุง
ฝีมือและเวลาที่ไม่ต้องไปตกนรกได้อีกมาก
จากนั้นก็หันหน้าเข้าวัด ศึกษาธรรมะ
ปฏิบัติธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ก่อนหน้านี้ไม่เคย
ท่าบุญ ทาน ไม่เคยรักษาศีล ไม่เคยนั่งสมาธิ
ต่อแต่นี้ให้รีบไปทำกัน ด้วยการศึกษาจากหลวงปู่
หลวงพ่อ ว่าทำสิ่งเหล่านี้แล้วดีอย่างไร เช่น
การทำทานมีผลทำให้รวย การรักษาศีลมีผล
ทำให้สวย การเจริญสมาธิภาวนามีผลทำให้
คนที่มีนิสัยชอบอิจฉาริษยา จึงเป็นคนที่ใจ
เศร้าหมองทั้งวัน เมื่อมีใจเศร้าหมองอย่างนี้
Wawa 8 A
เฉลียวฉลาด มีสติปัญญา
2 หลวงพ่อตอบปัญหา
พระภาวนาวิริยคุณ
พอจับหลักตรงนี้ได้ ถ้าอยากจะเพิ่มเติม
ความรู้อะไรเป็นรายละเอียด ให้ยิ่งขึ้นไป ก็ค่อยๆ
ศึกษาจากหลวงปู่ หลวงพ่อท่าน ยกตัวอย่าง เรา
มีอะไรต่ออะไรพร้อมแล้วแต่ที่ไปอิจฉาเขานั้น
เพราะว่าเราไม่มีบริวาร เวลาไปไหนมาไหน ทั้งที่
รวยก็แสนรวย สวย แสนสวย แต่ว่าใครๆ ก็ไม่
รัก แทนที่จะถามว่าทำไมใครๆ ถึงไม่รักเรา
กลับเที่ยวไปโกรธไปเคืองเขา หรือว่าเที่ยวไป
อิจฉาคนที่มีคนรักเต็มบ้านเต็มเมือง
เพราะฉะนั้น ต้องมองและตั้งคำถามใหม่
ให้เป็น คือแทนที่จะตั้งคำถามว่าทำไมเขาไม่รักเรา
ก็ตั้งคำถามเสียใหม่ว่า เราไม่น่ารักตรงไหน แล้ว
เริ่มสำรวจตรวจสอบตัวเอง ถ้ายังหาไม่พบจริงๆ
ไปถามหลวงปู่หลวงพ่อท่านก็ได้ แล้วเราจะรู้ว่า
วิชาเจ้าเสน่ห์ ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้
นั้น มีอยู่ ๔ ข้อด้วยกัน คือ
9. หมั่นให้ทาน คำว่า "ทาน" ในที่นี้ ไม่ได้
หมายถึงการตักบาตรกับพระภิกษุสามเณร ทาน
ในที่นี้ หมายถึง มีอะไรก็ปันกันกิน
ปันกันใช้ รวมทั้งปันกันดังด้วย
๒. ปิยวาจา เวลาพูดจากับ
ใครก็พูดด้วยถ้อยคํา ใหเราะ
เพราะสิ่งที่จะให้กำลังใจคนได้ดีนั้น
ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่เพราะๆ ใน
ทํานองเดียวกันสิ่งที่จะทอนกำลัง
ใจคน ก็ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่
ระคายหูเช่นกัน
๓. อัตถจริยา คือ ความรู้
ความสามารถที่เรามีอยู่ ถ้าเอา
ไปช่วยใครได้ ก็ช่วยๆ กันไป
อย่าไปหวงเลย
๔. สมานัตตตา คือ ไม่ว่าคบกับใครก็มีแต่
ความจริงใจให้เขา ไม่แทงใครข้างหลัง ไม่ว่าร้าย
ใครลับหลัง มีแต่ความจริงใจ มีแต่ความ
ปลอดภัยให้เขาเสมอ
ทั้ง ๔ ประการนี้จะเป็นที่มาแห่งเสน่ห์ของ
เรา พูดง่ายๆ โปรยเสน่ห์ด้วยการให้ ทั้งสิ่งของ
ทั้งคำพูด ทั้งกำลังออกกำลังใจ ทั้งความ
ปลอดภัยแก่เขา ทำอย่างนี้แล้วใครยังไม่รัก ก็
ให้รู้ไป
ส่วนคุณสมบัติที่ดีอย่างอื่น ไปกราบหลวงปู่
หลวงพ่องามๆ ประเดี๋ยวท่านก็หาวิธีที่จะประกอบ
คุณงามความดีที่ยิ่งๆ ขึ้นไป ให้เราเอง แล้วใน
ไม่ช้าเราจะต้องย้อนกลับมาถามหลวงพ่อว่า
ทำไมเดี๋ยวนี้ เวลาไปไหนมาไหน ถึงมีแต่ถูกคนอื่น
เขาตามอิจฉากันทั้งบ้านทั้งเมือง
ถึงตอนนั้นก็ช่วยไปสอนคนอื่นๆ ที่กำลัง
อิจฉาคุณให้รู้ว่า เมื่อก่อนคุณเองก็เคยเป็นอย่าง
เขาเหมือนกัน แล้วมีวิธีแก้ไขอย่างไร บอกเขาไป
ด้วย เพื่อจะได้เป็นบุญติดตัวเราต่อไป