อุ้งคีฑาน: ตำนานพระธาตุทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุรังคนิทาน ตำนานพระธาตุทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หน้า 7
หน้าที่ 7 / 19

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับพระโพคมุทธองค์ในกรุงสาตดี ที่ได้เห็นพระพุทธเจ้า 3 พระองค์เสด็จมาประทับในสุวรรณภูมิ ก่อนที่พระพุทธเจ้าทั้งสามจะดับขันธปรินิพพาน และได้มีการโปรดให้สร้างฐานอัฐิธาตุในพื้นที่ดังกล่าว โดยพระพุทธองค์ทรงพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นที่สุวรรณภูมิ พร้อมกับการเสด็จไปยังโพนิจเวียงจันทร์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับบ้านโพนจิกในปัจจุบัน

หัวข้อประเด็น

-ประวัติศาสตร์พุทธศาสนา
-ตำนานพระธาตุ
-พุทธประเพณี
-สถานที่สำคัญในภาคอีสาน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

อุ้งคีฑาน: ตำานพระธาตุทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 195 พุทธประเพณีแห่งอัญคราชฎู เมื่อพระโพคมุทธองค์ประทับอยู่ในเดซวมหาวิahrenในกรุงสาตดี แคว้นโกศล ในขณะนั้นพระองค์ทรงเห็นด้วยทีพยัป๊ว่ามีพระทุงองค์ในกลาดก่อนถึงสามพระองค์ (พระกุษณะ พระโหนดมะ และพระกัสสะสะ)ได้เคยเสด็จมาประทับที่ดินแดน สุวรรณภูมิ และในระหว่างที่เสด็จมานี้ได้โปรดรับสั่งไว้ว่าหลังจากที่ พระพุทธเจ้าทั้งสามพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วให้นำอัฐิธาตุฃมาประดิษฐ์ฐาน ณ ที่แห่งนั้น เมื่อพระโพคมุทธองค์ทรงเห็นพระพุทธประเด็นนั่นแล้ว ทรงแย้มพระโอษฐ์ ในขณะนั้นพระอานนท์ที่เป็นพระอรหันต์มิทราบเหตุผล จึงได้ถาม พระพุทธองค์ธิบายเหตุผลที่ทรงแย้มพระโอษฐ์และมีวิตามิว่าจะเสด็จไปยังดินแดน สุวรรณภูมิพร้อมกับพระอานนท์ จึงทรงผักทั้มพลผันแดนที่ส่งพระอาทิตย์ย่มอุณรัจ เสด็จด้วยพระลิลาเหาะมาทางทิศตวันออกและหยุดที่หนองค้นแทนเสื้อผ้า เมื่อพระพุทธ- องค์ดดพระเนตรแลเห็นแผนด้านหนึ่งแล้ว จึงทรงแย้มพระโอษฐ์ พระอานนท์ได้ ลูกถามถึงที่มาแห่งการแย้มพระโอษฐ์นี้อีกครั้ง พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ด้วยอนาคตตั้งสัญญาณว่า จะมีเหตุการณ์บังเกิดขึ้นใน อนาคตเบื้องหน้าในนี้นั่นความเสื่อมและความเจริญ วีเนหลด และวีเนเพล หลังจากทรงพยากรณ์แล้ว พระพุทธองค์เสด็จต่อไปยังโพนิจเวียงจันทร์ (Pon Cik Viangnua) ที่ซึ่งมีพุทธานุสรามว่า “ปัพวา” (Pabbhāra) ได้แสดงกายเป็นชิขา ____________________________________________________________________________________ 6 สันนิษฐานว่านั้นคือ นครเวียงจันทร์ (พิเศษ 2537: 6) 7 เชื่อกันว่าคือบ้านโพนจิก ตำบลพระโค อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ ตั้งของโพนจิกเวียงจันทร์และวัดภูวนา พระอจ. (เจติย์)องค์ดังวัดทั้งสองมีอายุในสมัยล้านช้าง (รว่าพุทธตระวรรณที่ 21) (คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ 2542: 101-102)
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More