ข้อความต้นฉบับในหน้า
ทรงพระเจริญพระพุทธเจ้า
มากបอาราธนาพระพุทธองค์ไปประทับที่เขาหลง และทำการถวายบาตรหลังจากพระพุทธองค์เสวยภัตตาหารเสร็จแล้ว ทรงมอบผ้าก้มพลับพลหนึ่งแก่ปิฎกนาถาราช หลังจากนั้นพระพุทธองค์ได้เสด็จต่อไปยังเวิ้งหลอด (Vern Lord) ซึ่งตรงกับเวลาพอดี จึงได้เสวยภัตตาหารในวันนั้น ทำให้ในภาคต่อมา สถานที่นั้นได้รับการเรียกขานว่า เวิ้งพล(Vern Pain) ในครั้งนั้นมีฐานตนหนึ่งนามว่า “สุขหทธี” (Sukhahatthi) ได้แผลงกายเป็นพญาศรามเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ และทูลขอให้พระองค์ทรงประทับรอยพระพุทธบาทบนแผ่นหินริมฝั่งน้ำจึงนั้น และในภาคต่อมาผู้คนมักจะได้ยินเสียงพญาศรามจากที่แห่งนั้น
พระบาทเวิ้งปลา
หลังจากนั้น พระพุทธเจ้าสดจาริกต่อไปยังเมืองโกตรบอง8 (Gotabung) ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนาง ณ ที่นั้น มีฐานนับจากอาสัยอยู่ มองเห็นพระรัศมีที่ปล่อยออกมาจากพระเศียรของพระศาสดา จึงพาบิวราว่ายน้ำติดตามมา เมื่อพระพุทธองค์ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ทรงแย้มพระโอษฐ์และตรัสตอบแก่วงอานนท์เมื่อทรงฤทกุลาถามสาเหตุของการแย้มพระโอษฐ์ว่า" พญาศรามนี้เคยเป็นมนุษย์เมื่อชาติปก่อน และได้ดำรงชีวิตเป็นพระภิกษุในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ และในชาติ นั้นเองได้เดินทางมาถึงที่ลำบัวแห่งนี้ พระกิณฐูนั้นได้เดือดไปมันมาเพื่อกรองน้ำดื่ม แต่การเดือดในนี้เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามข้อพระวินัยของสงฆ์ และพระกิณฐูนี้นักเรียนไม่ได้ปลอมอาบติกับพระภิกษุสูงรุ่นอื่นเลย ในขณะนั้นท่านจะมรณภาพได้จะลึกถึงชภาพของการกระทำผิดพระวินัยนั้นดังนั้นด้วยผลแห่งกรรมที่พระพุทธองค์ทรงเป็นปลอาคย์อยู่ ณ ที่แห่งนี้
แต่เมื่อถึงยุคสมัยของพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า พระมาพจราจรนั้นจะได้กลับ
สันนิษฐานว่า คือ อำเภ่าทุ่งเทียน จังหวัดนครพนม(พิเศษ 2537: 7)