ข้อความต้นฉบับในหน้า
ป่าเพื่อปลูกสร้างปราสาทให้โชติกะ ทรงบอกพวก
ช่างไม้ว่า “โชติกะเป็นผู้มีบุญมาเกิด ไม่อยู่ใน
ปราสาทที่พวกท่านสร้างขึ้นหรอก" ทรงเนรมิต
ปราสาท ๓ ชั้น สำเร็จด้วยรัตนะ ๓ กำแพงแก้ว
ต้นกัลปพฤกษ์ผุดขึ้นรอบกำแพง บนเนื้อที่ประมาณ
๑๖ กรีส หรือประมาณ ๖๒๕ ไร่ ขุมทรัพย์ ๔ ขุม ผุดขึ้น
ที่มุมทั้ง ๔ ของปราสาท พระเจ้าพิมพิสารทรงสดับว่า
“ปราสาท ๓ ชั้น ซึ่งสำเร็จด้วยแก้ว ๗ ประการ
ผุดขึ้นเพื่อโชติกะ” ทรงส่งฉัตรเศรษฐีไปให้ แล้วทรง
สถาปนาไว้ในตำแหน่งเศรษฐีประจำกรุงราชคฤห์
ทางด้านหญิงสาวผู้จะมาเป็นภรรยาคู่บุญ
ของโชติกะนั้นเป็นนางแก้วซึ่งไปเกิดในอุตตรกุรุทวีป
เพราะฉะนั้นเมื่อถึงคราวที่โชติกะจะต้องแต่งงานมี
คู่ครอง พวกเทวดาจึงเหาะไปพานางมาจาก
อุตตรกุรุทวีป ให้นั่งในห้องอันเป็นสิริ ตอนที่มา
จากอุตตรกุรุทวีป ก็ได้ถือเอาทะนานข้าวสารมาด้วย
พร้อมกับก้อนหิน ๓ ก้อน ไว้รองก้นหม้อ โชติกเศรษฐี
พร้อมด้วยภรรยาจะอาศัยแสงสว่างจากแก้วมณี
จึงไม่ต้องอาศัยแสงสว่างของไฟหรือประทีป ทั้งสอง
ภรรยาสามีผู้มีบุญอาศัยทะนานข้าวสารกับ
ก้อน ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องครัวที่รู้ใจ
และอาศัยแก้วมณีที่นำความปรารถนาความสำเร็จ
มาให้ทุกอย่าง ทำให้ได้รับความสะดวกสบายบน
ก้อนหิน ๓
ปราสาทแก้ว ประดุจอยู่บนสรวงสวรรค์
สมบัติของโชติกเศรษฐีเลื่องลือไปทั่วชมพูทวีป
มหาชนจึงชักชวนกันเทียมเกวียนบ้าง เทียมม้าบ้าง
เพื่อต้องการมาดูสมบัติของผู้มีบุญ โชติกเศรษฐีได้
ทำหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านที่ดี ให้การต้อนรับ ทำ
ชมพูทวีปให้ได้รับความสุขถ้วนหน้า โดยสั่งให้เปิด
ปากขุมทรัพย์ใต้ดินที่มีประมาณคาวุตหนึ่งหรือ
ประมาณ ๔ กิโลเมตร แล้วกล่าวว่า “มหาชนจง
ถือเอาทรัพย์ตามที่ตนเองคิดว่า จะสามารถนำ
กลับไปตั้งเนื้อตั้งตัวได้" น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อ
ผู้คนมากมายที่หลั่งไหลมาจากชมพูทวีป ถือเอา
ทรัพย์ไป ปากขุมทรัพย์มิได้พร่องลงแม้เพียงองคุลี
เดียว นี่เป็นเพราะผลแห่งรัตนะที่เขาโปรยลงบริเวณ
พระคันธกุฎีของพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้
ได้สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง
ผู้ละโลกิยะมุ่งสู่โลกุตตระ
ต่อมาพระเจ้าอชาตศัตรูได้ยกกองทัพไปยึด
รัตนปราสาทของท่าน แต่ก็ยึดไม่ได้ เพราะถูก
พวกยักษ์ขับไล่กองทัพให้แตกกระเจิดกระเจิงไป
คนละทิศคนละทาง พระราชาได้เสด็จหนีตายไป
ทางวิหารเชตวัน ครั้นเห็นเศรษฐีกำลังนั่งฟังธรรม
จึงตรัสในเชิงสัพยอกว่า “คฤหบดี ท่านบังคับพวก
๑๖