ข้อความต้นฉบับในหน้า
น้อยรูปหนึ่งชื่อ ฐาปนาวุฒิ ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์
ได้ไพเราะจับใจมาก พร้อมทั้งสามเณรน้อยรูปนั้น
ก็ยังตั้งปณิธานว่าจะสอบประโยค ๑๐ ให้ได้ ซึ่งก็
เรียกเสียงปรบมือจากสาธุชนได้เป็นระยะ ๆ และ
ในขณะนั้นเองทางทีมงานก็เปิดเนื้อเพลงมีเนื้อ
ความว่า ผมจะเรียนประโยค ๑๐ จากเหตุการณ์
ในวันนั้นเป็นสาเหตุให้อาตมาตัดสินใจเดินทางเข้า
กรุงเทพฯ โดยพักอยู่ที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ
ศึกษาพระบาลีต่อ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๖ สอบได้ ป.ธ.๗
พ.ศ. ๒๕๔๗ สอบได้ ป.ธ.๘ และพ.ศ. ๒๕๔๙ สอบได้
เพื่อ
ป.ธ.๙ ในนามสำนักเรียนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์
ถ้าหากจะกล่าวว่า “สามเณรฐาปนาวุฒิ และวัด
พระธรรมกายเป็นส่วนหนึ่งในแรงบันดาลใจให้
อาตมามุมานะเรียนบาลีต่อจนจบ ป.ธ.๙ ก็คงไม่
ผิดนัก”
จากกำลังใจอันเปี่ยมด้วยศรัทธาอันบริสุทธิ์
ที่เป็นแรงผลักดันให้พระภิกษุ สามเณร ได้เล่า
เรียนภาษาบาลี ซึ่งเป็นภาษาแห่งพุทธวจนะแล้ว
ยังก่อให้เกิดการตื่นตัวแก่สำนักเรียนต่างๆ ดังเช่น
สำนักศาสนศึกษาวัดตากฟ้า ซึ่งเป็นแชมป์สำนัก
เรียนบาลีดีเด่นติดต่อกันถึง ๒ สมัย คือ ปี ๒๕๕๘
และประจำปี ๒๕๕๙ โดยมีเจ้าสำนักเรียนคือ
พระราชปัญญาเวที (ริด ริตเวที ป.ธ.๙, กศ.ม.)
รองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ท่านได้เมตตากล่าว
ถึงความรู้สึกให้ฟังว่า “....สำหรับในส่วนของสำนัก
เรียนวัดตากฟ้าซึ่งได้รับรางวัลอันทรงเกียรติที่ทาง
วัดพระธรรมกายได้จัดมอบให้ในปีที่ผ่านมานั้น
อาตมาภาพและทางโรงเรียนคิดว่า นี่เท่ากับเป็น
การจุดชนวนให้คณะครูอาจารย์และนักเรียนเกิด
ความตระหนักและตื่นตัวว่าเราจะต้องพยายามยืน
อยู่ตรงนี้ให้ได้ หรือถ้าหากยืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้
มาตรฐานก็ควรจะพออยู่ได้
พอได้รับรางวัลมาแล้ว ทุกรูปทุกคนต่างก็
พากันดีใจ ปลื้มใจ และมีความตั้งใจว่าพวกเรา
จะพยายามทำให้ดีที่สุด จึงถือว่ารางวัลที่
วัดพระธรรมกายตั้งขึ้นมานี้มีผลต่อการกระตุ้น
ส่งเสริมการศึกษาภาษาบาลีโดยแท้ เรียกว่าเป็น
การจุดชนวนหรือสร้างความตื่นตัว สร้างกำลังใจ
ให้สำนักเรียนต่างๆ มีความคึกคักขะมักเขม้นขึ้น
จึงขออนุโมทนาขอบคุณและขอเป็นกำลังใจว่า
ควรทำอย่างนี้ไปโดยตลอด..."
อยู่ ** ๑๙