ข้อความต้นฉบับในหน้า
ได้แก่
Q.
สัปปุริสสังเสวะ คือ ต้องหาครูดีให้พบ ถ้า
ยังไม่พบครูดี แม้ได้อ่านธรรมะก็จะเป็นเพียงผ่าน
ตาแต่ไม่ผ่านใจ หรือผ่านใจแต่ความหมายอาจ
ผิดเพี้ยน ลึกซึ้งไม่พอที่จะนำไปปฏิบัติได้
๒. สัทธัมมัสสวนะ คือ ฟังคำครูให้ชัดเจน
๓. โยนิโสมนสิการ คือ ตรองคำครูให้ลึกซึ้ง
ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ คือ ทำตามครูให้ครบ
การค้นพบวิชชาธรรมกายของ
พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ
ในยุคตั้งแต่หลังพุทธกาลจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ไม่มีหลักฐานปรากฏไว้เลยว่า มีพระอาจารย์ท่าน
ใดได้บันทึกวิธีปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
เอาไว้เป็นตำรับตำรามีแต่คำว่า “ธรรมกาย” ปรากฏ
อยู่ในพระไตรปิฎก แต่ไม่มีใครเข้าใจเพราะไม่มี
คำอธิบายว่า “ธรรมกายคืออะไร รูปร่างหน้าตาเป็น
อย่างไร มีความสำคัญอย่างไรกับมนุษย์เรา”
พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ท่านไป
ค้นเจอคำว่า “ธรรมกาย” โดยเอาชีวิตของท่าน
เป็นเดิมพัน ตั้งใจศึกษาและปฏิบัติธรรมตามที่มี
ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก รวมทั้งได้ครูบาอาจารย์
พระอุปัชฌาย์ของท่านปูพื้นฐานธรรมะให้ความ
เข้าใจถูกแก่ท่านเป็นจุดเริ่มต้นในระดับหนึ่ง แล้ว
ท่านก็ค้นคว้าต่อไปด้วยตัวท่านเอง ด้วยความ
เพียรอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกาย
ในตัว
พวกเราเป็นหนี้พระคุณของพระเดชพระคุณ
หลวงปู่วัดปากน้ำเป็นอย่างยิ่งทีเดียว ถ้าท่านไม่นำ
วิชชาธรรมกายที่ค้นได้มาสอน เราก็คงไม่เข้าใจ
พระพุทธศาสนาในเชิงปฏิบัติอย่างนี้ อย่างที่บอก
ไว้ตั้งแต่ต้นว่า ความสำคัญในการจะเข้าถึงธรรม
ศึกษาธรรมะแล้วไม่ผิดเพี้ยน คือจะต้องได้ครูดีมา
สอนให้ตั้งแต่ต้น เมื่อพระเดชพระคุณหลวงปู่
วัดปากน้ำค้นวิชชาธรรมกายได้แล้ว ท่านไม่ค้นได้
เปล่า แต่ท่านได้เมตตานำวิชชาธรรมกายไปสอนให้
ผู้อื่น เพื่อให้ได้รู้จักวิชชาธรรมกายตามท่านไปด้วย
อัจฉริยะในการสอนสมาธิ
ในเรื่องวิธีการสอนของพระเดชพระคุณ
หลวงปู่วัดปากน้ำ โดยเฉพาะการสอนภาคปฏิบัติ
ซึ่งท่านมีหลักการในการสอนไม่เหมือนใคร ถ้า
พวกเราสังเกตพระอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนการฝึก
สมาธิตามสำนักต่างๆ เมื่อถึงคราวจะอบรมสั่งสอน
ลูกศิษย์ลูกหาให้ทำสมาธิ นิยมที่จะพาลูกศิษย์
ไปร่ำเรียนสมาธิกันในป่า เพื่อต้องการให้กายวิเวก
ตั้งแต่เริ่มต้น แล้วจะได้จิตวิเวกตามมา
แต่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ
ท่านสอนในบ้านในเมือง เรียนกันเต็มศาลา
สอนที่เป็นร้อย เป็นพัน จะมากันเป็นหมื่น เป็นแสน
ก็สามารถทำสมาธิร่วมกันได้ นี้ก็เป็นอัจฉริยะของ
พระเดชพระคุณหลวงปู่ในการสอนลูกศิษย์
เทคนิคประเภทนี้หาได้ยาก แต่พระเดช
พระคุณหลวงปู่ก็ได้พัฒนาเอาไว้ให้พวกเรา ท่าน
ทำได้อย่างนี้เพราะท่านมีความละเอียดลออใน
การสอนทุกขั้นตอน จนกระทั่งวางเป็นระบบได้
เมื่อมีระบบ ระเบียบ มีขั้นตอน วิธีการ ชัดเจนแล้ว
มีคนมากก็เหมือนคนน้อย สงบ ไม่วุ่นวาย เพราะ
แต่ละคนรู้จักวิธีการ และรู้จักหน้าที่ของตัวเอง
พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า
นอกจากจะละเอียดลออแล้ว หลวงปู่ท่านยัง
ติดตามขนาบแล้วขนาบอีกไม่มีหยุด ถึงเวลานั่ง
สมาธิต้องนั่ง ถึงเวลาสวดมนต์ต้องสวด ถึงเวลา
ฟังเทศน์ต้องฟัง ถึงเวลาฉันก็ต้องฉันพร้อมกัน
จากการเคี่ยวเข็ญกันอย่างนี้ทำให้ทั้งพระ สามเณร
รวมทั้งอุบาสก อุบาสิกา และแม่ชี เข้าถึง