ข้อความต้นฉบับในหน้า
ศีล - วินัย
พระมหากัสสปะ หรือ พระมหาโมคคัลลาน์ทีเดียว เขาไล่ชื่อกันไปได้เลย
ของเราทำไม่ได้ ของเขานอกจากไล่ชื่อได้ถึงองค์นั้นๆ แล้ว เขายังมี
รูปวาดเก็บไว้ให้ดูหน้าตาได้อีกด้วย
ขนาดเกาหลีทำสงครามกับจีน กับญี่ปุ่น ตั้งแต่เมื่อ ๕๐๐ ปี
มาแล้ว รบกันเกือบตลอดเวลา เขายังเก็บหลักฐานรูปพระอุปัชฌาย์ของ
เขาไว้ได้ ยิ่งกว่านั้นเนื่องจากเขากลัวพระไตรปิฎกของเขาจะสูญหาย
เขาจึงสร้างระบบพิมพ์ขึ้นมา คือเอาไม้มาแกะสลักเป็นตัวอักษร
ภาษาจีนสันสกฤต (ไม่ใช่จีน- บาลี) แล้วเรียงพิมพ์เป็นพระไตรปิฎก
เก็บไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้การจดบันทึกคลาดเคลื่อน เขามีการพิมพ์ด้วยไม้
ตั้งแต่ยุคที่พระพุทธศาสนาเผยแผ่มาถึงใหม่ๆ เขาแกะไม้เป็นตัวอักษร
เสร็จแล้วก็ปั๊มไป อยากได้กี่เล่มๆ ปั๊มกันเข้าไป เพราะเขากลัวว่าภัย
สงครามจะทำให้พระไตรปิฎกของเขาสูญหาย เขาจึงคิดทำกันออกมา
อย่างนี้ เท่าที่ทราบชื่ออุปัชฌาย์ของเขาสามารถไล่ขึ้นไปได้ถึง ๑๐๐-๒๐๐
ชั่วคน จนกระทั่งถึงพระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร ถึงพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าเลยนะ
นี่เป็นความภูมิใจของฝ่ายมหายาน ที่เขามักเอามาพูดข่มทาง
หินยานของเราเหมือนกันว่า เฮ้อ....แค่ชื่ออุปัชฌาย์ยังไม่รู้ แล้วจะมี
หน้ามาทำอะไรกัน...เขาว่าเราอย่างนั้น แล้วเราก็เถียงเขาไม่ได้ด้วยนะ
อย่างพวกเราลองถามดูเถอะพระอุปัชฌาย์ของอุปัชฌาย์ชื่ออะไร เสร็จ
ตอบไม่ได้ อย่างดีก็ไล่ย้อนไปได้ไม่เกิน ๓ องค์แค่นั้น แต่ของเขาไล่
ย้อนขึ้นไปได้เป็นร้อย ใครจะมาบวชต้องไล่ชื่ออุปัชฌาย์ของอุปัชฌาย์
จนถึงพระพุทธเจ้าให้ฟัง แล้วให้ท่องให้ได้
ก็เป็นสิ่งที่น่าเคารพเลื่อมใสของเขาอย่างหนึ่ง ตอนนี้ฝ่าย
เราอยากจะทำบ้าง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเสียแล้ว เพราะสืบสายกันไม่ติด
เราเคยอ้างว่าของเราขาดตอนตั้งแต่สมัยเสียกรุงศรีอยุธยาโน้น แต่
พระภาวนาวิริยคุณ 52 (เผด็จ ทัตตชีโว)