ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อเรารู้แล้วว่า สภาพของโลกนะเป็นอย่างนี้ ขนาดโลกทั้งโลกยังมีเวลาสลายตัวได้
เพราะฉะนั้น บ้านช่องห้องหอเราไม่ต้องกลัวหรอก มันมีเวลาฟังได้ แม้แต่ชีวิตของเรา
วันหนึ่งก็ต้องพินาศสิ้นไป ในเมื่อพรหมยังตายเลย งั้นเราทำไมจะไม่ตาย
ปรากฏการณ์อย่างนี้ได้เกิดติดต่อกันมาทุกยุคทุกสมัยแล้ว
ฝึกสมาธิ กำาเนิดโลก
คราวนี้ก็มาเจอปัญหาว่า เอ๊ะ!... ตั้งแต่ไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลกเรื่อยมาจนกระทั่งมีการขึ้นๆ
ลงอย่างที่ว่านี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นได้อย่างไร ตอบว่า “เห็นได้”
อย่าว่าแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย ทุกคนที่นั่งอยู่นี่แหละ จะเป็นพระ จะเป็นเณร จะเป็นอุบาสก
อุบาสิก มีสิทธิจะเห็นได้ ถ้าตั้งใจทำภาวนามากเข้าๆ จนกระทั่งเข้าถึงธรรมกายในตัว
พอเข้าถึงธรรมกายในตัวได้ ใจใส แล้วก็สว่าง พอใสด้วย สว่างด้วย หลับตาลืมตาสว่างโพลง
ถึงจุดนี้สามารถระลึกชาติถอยหลังไปดูได้ว่า โลกมันเกิดมาอย่างไร นี่ประเด็นเงื่อนงำตรงนี้
ศาสนดาอื่นๆ เขาไม่เคยฝึก เขาระลึกชาติไม่ได้ เขาก็ว่าไปเป็นนิยายปรัมปราว่า
โลกเกิดอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พระพุทธเจ้าทรงระลึกชาติถอยหลังไปเห็นอย่างนี้ ก็นำมาเล่าให้ฟัง
คราวนี้สำหรับท่านที่สงสัยว่า เอ๊ะ!... เราเกิดมาจากไหน เมื่อไรจะตาย ตายแล้วไปไหน
ไมตองไปสงสัย ลงมือฝึกสมาธิเขา แล้วอีกหนอยเถอะ
พอถึงธรรมกายแล้วจะมองเห็นเองว่าก่อนจะเกิดมาจากไหน
ก่อนจะมาเขาท้องพ่อท้องแม่มาจากไหน หรือก่อนจะมาเข้าท้องพ่อท้องแม่อีกตั้งเป็นล้านๆ ปีนะ
มาจากไหน ไปดูเอา ไม่ต้องมาถาม ให้อุปกรณ์แล้ว อุปกรณ์อะไร อุปกรณ์นี่ก็มี นี่ดวงแก้ว
ตั้งไว้ดูให้จำได้ หลับตาลืมตา ให้เห็นใสเชียว ถ้าไม่ชอบดวงแก้ว ก็ดูพระพุทธรูปโน่น
25