ข้อความต้นฉบับในหน้า
ทำไม? พระสารีบุตรจึงเลิศด้วยปัญญา ๑๒
พบกับเพื่อนรัก เพราะสัญญากันไว้ว่า ถ้าใครบรรลุธรรม
วิเศษอันใดแล้วให้บอกกัน ด้วยสัจจะของลูกผู้ชาย กราบ
อาจารย์ แล้วตรงไปพบเพื่อน เล่าให้เพื่อนฟัง โกลิตะ
ฟังจบบรรลุเป็นพระโสดาบันกันข้างทางอีกเหมือนกัน
ธาตุธรรมของท่านแก่กล้าเช่นเดียวกับท่าน
อุปติสสะ (พระสารีบุตร) ฟังเท่านี้ก็เป็นพระโสดาบัน
หลังบรรลุธรรมแล้ว ท่านทั้งสองก็ชวนกันไปหา
อาจารย์เดิมซึ่งเป็นปริพาชก ชวนอาจารย์ว่าไปเป็นลูกศิษย์
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันเถอะ แต่ไม่ว่าจะอธิบาย
ขยายความเท่าไหร่ๆ อาจารย์เดิมก็ไม่ยอมไป ยังตั้งปัญหา
ย้อนให้อีกว่า “ในโลกนี้มีคนโง่ หรือมีคนฉลาดมากกว่ากัน
พระโมคคัลลานะตอบชัดเจนว่า “ธรรมดาในโลกนี้ มีคน
โง่มากกว่าคนฉลาด” อาจารย์ก็สวนทันควันว่า “ใช่
คนฉลาดไปหาพระพุทธเจ้า คนโง่ก็จะมาหาเรา เพราะ ฉะนั้น
ลูกศิษย์เรายังไงก็มากกว่าลูกศิษย์พระพุทธเจ้า”
จนบัดนี้ ลูกศิษย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็
ยังน้อยกว่าลูกศิษย์ของเจ้าหมอนี่อยู่นั่นแหละ อย่างนี้
เรียกว่า มิจฉาทิฏฐิ ทั้งๆ ที่รู้ว่าพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น
แล้ว แต่ไม่ไปหาหรอก อยู่เสียที่นี่ หวังว่าลูกศิษย์เรา
จะได้มีมากกว่า
หลักฐานตรงนี้ยืนยันว่าพระสารีบุตรของเรามี
๑๓
ความกตัญญูรู้คุณครูบาอาจารย์ เมื่อได้บรรลุธรรมก็ต้อง
รีบมาบอกอาจารย์
เรื่องที่สอง พบว่า นับตั้งแต่วันที่บรรลุเป็นพระ
โสดาบัน จนกระทั่งวาระสุดท้ายที่ท่านจะดับขันธ์ห้า เข้า
นิพพาน ทุกคืนก่อนจะจำวัด ท่านจะต้องสำรวจด้วย
ญาณทัสสนะของท่านก่อนว่า พระอัสสชิ พระอาจารย์ของ
ท่านขณะนี้ไปเทศน์โปรดชาวโลกอยู่ที่ไหน เมื่อเห็นด้วย
ญาณธรรมกายแล้ว ท่านก็หันหน้าไปทิศนั้นกราบงามๆ
เสียก่อน แล้วจึงค่อยจำวัด โดยหันศีรษะไปทิศนั้นแหละ
เป็นการแสดงความเคารพและกตัญญูกตเวที บูชาครูของ
ทานด้วยเศียรเกล้า
เรื่องที่สาม พบว่า วันหนึ่งมีพราหมณ์เฒ่าทาน
หนึ่งชื่อ ราชพราหมณ์ มากราบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะ
ขอบวช เพราะไปขอให้ใครต่อใครบวชให้ ก็ไม่มีใครบวช
ให้ พระองค์ตรัสเปรยๆ ว่า ใครจะรับบวชให้กับพราหมณ์
เฒ่าผู้นี้ พระอรหันต์ พระผู้ใหญ่มีตั้งเยอะ ทำไมไม่บวช
ให้กับพราหมณ์เฒ่า (อย่าโกรธกันนะ ท่านผู้ฟัง คนแก
ไม่ว่าหญิงชาย ไม่ว่ายุคไหนๆ ดื้อทั้งนั้นแหละ สอนยาก
ฝึกยาก ดื้อ ไม่มีใครกล้ารับอบรมให้)
พระสารีบุตรท่านพูดชัดว่า ครั้งหนึ่งพราหมณ์เฒ่า
ชื่อราธพราหมณ์ผู้นี้เคยตักบาตรให้ท่านทัพพีหนึ่ง ท่าน
A