ข้อความต้นฉบับในหน้า
ทำไม? พระสารีบุตรจึงเลิศด้วยปัญญา ๓๒
พิจารณาเห็นญาติโยมคนไหน มีธาตุธรรมพอจะรู้ จะเห็น
ธรรมะได้ละก็ ท่านก็ตรึกตรองหาวิธีสอน หาวิธีเทศน์ให้
บุคคลเหล่านั้นเข้าถึงธรรมให้ได้
ทำไมท่านคิดอย่างนี้ ก็แรงกตัญญูกตเวทีที่ท่านมี
ต่ออาจารย์ของท่าน คือท่านรู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ตั้งใจจะโปรดสัตวโลก จะรื้อขนสัตวโลกเข้านิพพานให้
หมด ซึ่งก็มีทางเดียวคือ ต้องทำให้เขาเข้าถึงธรรมให้ได้
เพราะฉะนั้น พระสารีบุตรท่านพินิจพิจารณาแยกแยะ
ธรรมะให้ละเอียดยิบไป เพื่อเอามาใช้ในการเทศน์การสอน
ท่านมุ่งไปตรงนั้น
พระโมคคัลลานะ ในพระไตรปิฎกระบุว่า “พระ
โมคคัลลานะท่านรับหน้าที่เป็นเหมือนพี่เลี้ยง หรือเหมือน
แม่นม พระสารีบุตรเหมือนแม่ผู้ให้กำเนิดทางธรรม” จาก
ไม่รู้อะไรเลย จนกระทั่งเข้าถึงธรรมเป็นพระโสดาบัน เข้าถึง
ธรรมเบื้องต้นแล้วท่านหยุด ถือว่าให้กำเนิดแล้ว ส่งให้
พระโมคคัลลานะสอนให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เป็นภารกิจหนักทาง
หยาบขึ้นมาอีกหน่อย ซึ่งหนักทางกาย แต่พระสารีบุตรมี
ภารกิจหนักทางใจ เพราะต้องไปคนใหไดวา ธาตุธรรมของ
คนนี้ๆ เป็นอย่างไร จะเอาคำสอนให้พอเหมาะพอดีไปใส่
ในใจเขาแค่ไหน อย่างไร เขาจึงจะรับได้ เขาจึงจะถือ
กําเนิดทางธรรมขึ้นมาได้
พระโมคคัลลานะรับผิดชอบต่อหมู่คณะ หมายถึง
รับผิดชอบในความเป็นอยู่ของหมู่คณะ แต่หมู่คณะของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นมากมายมหาศาลนัก ท่าน
รับผิดชอบอย่างนี้มาตลอดทุกภพทุกชาติที่สร้างบารมี
ติดตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ในใจของ
ท่านเมื่อเริ่มต้น ก็คงเหมือนพวกเรา หาทางสร้างทีม
สร้างเทคโนโลยี ให้มีมือมีเท้าไว้ทุ่นแรงเยอะๆ หนักเข้า
งานขยายมาก เวลาเร่งมาก ทำไม่ทัน มีทางเดียวต้อง
สร้างฤทธิ์ทางใจให้ได้ นี่ก็เป็นเหตุที่มาของความเป็นผู้
มีฤทธิ์มาก ซึ่งเกิดจากที่ท่านสะสมไว้ข้ามชาติ คือ ช่วย
รับภาระประคบประหงมให้ลูกของพระพุทธเจ้ามีความ
ก้าวหน้าขึ้นไปตามลำาดับๆ
หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระสารีบุตร
สอนธรรมะเบื้องต้น ให้สามารถปิดนรก เปิดสวรรค์ได้แล้ว
พระโมคคัลลานะท่านรับภาระต่อ มีทางเดียวที่จะแบกรับ
ได้ คือ ต้องอาศัยฤทธิ์ เมื่อรับภาระสารพัดมาก็ต้องฝึก
ฤทธิ์ให้เต็มที่ เริ่มตั้งแต่พัฒนาเทคโนโลยีกดปุ่ม วาง
โปรแกรมต่างๆ ในที่สุดท่านก็พบว่า ถ้าจะให้ทันใจ ทัน
เหตุการณ์ ต้องมีอิทธิฤทธิ์ พออธิษฐานจิตปั๊บ ต้องเป็น
ได้สิ่งสำเร็จเกิดขึ้นกับ นี้คือเส้นทางของพระโมคคัลลานะ
หลวงพ่อต้องขออนุโมทนากับพวกเราอีกเหมือน