ข้อความต้นฉบับในหน้า
ทำไม? พระสารีบุตรจึงเลิศด้วยปัญญา ๓๔
อุปติสสมานพมีเพื่อนรักซึ่งอยู่ในวัยเดียวกันคือ
“โกลิตะ” เป็นบุตรของพราหมณ์โกลิต และนางโคคัลลี
แห่งหมู่บ้านโกลิตคาม ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงราชคฤห์
ตระกูลทั้งสองนั้นได้เกี่ยวพันสืบเนื่องกันมาถึง ๗ ชั่วตระกูล
เด็กทั้งสองได้เจริญเติบโตมาพร้อมกัน และได้สำเร็จศิลปะ
ทุกอย่างพร้อมกัน เวลาจะไปที่ใดๆ เพื่อพักผ่อนหรือไป
สวนเพื่อประโยชน์จะเล่น อุปติสสมาณพมีเสลี่ยงทองคำ
๕๐๐ เป็นเครื่องแห่แหน โกลิตมาณพมีรถเทียมด้วยม้า
อาชาไนย ๕๐๐ เป็นเครื่องแห่แหน มาณพทั้งสองมี
บริวารคนละ ๕๐๐
ในกรุงราชคฤห์มีมหรสพ บนยอดเขาทุกๆ ปี
มาณพทั้งสองก็นั่งดูมหรสพร่วมกัน ทั้งเกิดความสนุกสนาน
หรือบางครั้งเกิดความสังเวช ซึ่งเป็นไปตามอารมณ์ต่างๆ
ของมหรสพที่แสดง
วันหนึ่ง มาณพทั้งสองดูมหรสพโดยทำนองนี้
แต่มิได้มีความสนุกสนานเหมือนแต่ก่อนๆ เพราะญาณ
ถึงความแก่รอบแล้ว ต่างคิดกันอย่างนี้ว่า “จะมีอะไรเล่า?
ที่น่าดูในมหรสพเหล่านี้ คนพวกนี้ทั้งหมดไม่ถึง ๑๐๐ ปี
ก็จักถึงความตาย เราทั้งสองควรแสวงหาธรรมเป็นเครื่อง
หลุดพ้นอย่างเอกจะดีกว่า”
mss
อุปติสสะทราบความที่โกลิตะนั้นมีอัธยาศัยเช่น
เดียวกันกับตนจึงกล่าวว่า “สหายเอย เราทั้งสองคิดกันดีแล้ว
เราควรแสวงหาโมกขธรรม ธรรมดาผู้แสวงหา ต้องได้
บรรพชาชนิดหนึ่งจึงควร เราทั้งสองจะบรรพชาในสำนัก
ใครเล่า?"
สมัยนั้นสัญชัยปริพาชก อาศัยอยู่ในกรุงราชคฤห์
กับปริพาชกบริวารหมู่ใหญ่ อันเป็นสำนักที่มีชื่อเสียงมาก
ในยุคนั้น อุปติสสมาณพและโกลิตะจึงตกลงพร้อมใจกัน
ว่า “เราจักบวชในสำนักท่านสัญชัยปริพาชก” ดังนั้น
มาณพทั้งสองพร้อมด้วยบริวารอีก ๕๐๐ จึงได้ไปขอเป็น
ศิษย์ในสำนักของสัญชัยปริพาชกนั้น จากนั้นเป็นต้นมา
สัญชัยปริพาชกก็ได้ความเลิศด้วยลาภและยศอย่างเหลือเฟือ
มาณพทั้งสองสามารถเรียนจบความรู้ของสัญชัยปริพาชก
จนสิ้น ในเวลาเพียงสองสามวันเท่านั้น
สัญชัยปริพาชกได้ชักชวนให้ศิษย์ทั้งสองให้อยู่
สอนศิษย์ต่อไปด้วยกันกับอาจารย์ แต่ทั้งสองตั้งความ
ปรารถนาเดิมไว้ว่า เราออกบรรพชาเพื่อแสวงหาโมกขธรรม
แต่บัดนี้เรายังไม่พบโมกขธรรมเลย เราจักเที่ยวไปยังที่ต่างๆ
คงจักได้อาจารย์ผู้แสดงโมกขธรรมสักคนเป็นแน่
ตั้งแต่นั้น มาณพทั้งสองก็ออกเดินทางแสวงหา
บัณฑิตผู้รู้ต่างๆ พอได้ทราบข่าวว่าใครเป็นผู้มีความรู้อยู่ที่
A