ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อภิษพลนั้นปฏิบัติธรรมกันไปได้สะดวก อีกต่างหากทำให้หยุดนิ่งไม่ได้เพราะถูกกามวิตกครอบงำ พระบรมศาสดาทรงรั้งจริยาธรรมสะนอ บุญวิธี และปรารภนาให้กุหลาบนั้นข้ามผ่านอุปสรรคคือกามวิตก จึงดำรัสว่า สาวกของเรากำลังเผชิญกับอุปสรรคที่คอยขัดขวางหนทางมรรคผลนิพพาน เราควรติเตือนพวกเธอให้สดับ พระองค์จึงทรงรับสั่งให้ประชุมสงฆ์ขึ้นที่ภายในกุฎิสน-รากะ และตรัสว่า
"ดูอภิเษกทั้งหลาย นี้ชื่อว่า สิ่งที่ควรระแวง เธอทั้งหลายก็ควระแวง เธอต้องรู้เท่าทันกิเลสที่มันเกิดขึ้น อย่าวับปล่อยใจให้ไหลเลื่อนไปตามอาสวะทั้งหลาย เพราะเมื่อเกิดอาสวะทั้งหลายเกิดขึ้น และเจริญมากขึ้นแล้ว มีแต่จะทำลายเธอฝ่ายเดียว เหมือนต้นไทรที่เกิดขึ้นแล้วอย่ามาทำลายต้นไม้อื่นๆ ทั้งหลาย ควรที่เธอจะเห็นภัยในที่ก่อเกิดขึ้นเหมือนเทวดาแต่ ตกา่ ดในภาวะ ปกเวทนีดิน่าใจในที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกัน พระบรมศาสดาจึงทรงนำองค์นิทานมาตรัสเล่าไว้ว่า
ชาติหนึ่ง พระโพธิสัตว์เสด็จ ฐานเป็นรุกขเทวาในภูมิสมพัส สึ่งเป็นต้นไม้บ่อบานเป็นที่อยูของพวกคณา เรามักคำนับว่า วิมานฉิมพลี วิบากหมายถึง บ้านหรือที่อยู่อาศัย ฐานเทวดา พระโพธิสัตว์ ได้อาศัยอยู่ที่ต้นกุศลสมโผโดยไม่มีวิวัฒนอยู่ที่นั้น
วันหนึ่ง พระโพธิสัตว์ได้เนรมิตกายใหญ่ และยาวประมาณ ๑๕ โยชน์ ใช้สมัปะรึพะเหว่าน้ำทะเลออกเป็นสองส่วน แล้วเจือเอานาคามีหนึ่งมีร่างยาวประมาณพันวา โดยจับท่าทาง แล้ว
ให้ห้องลง เพื่อขอถวายออกทางปากให้หมดตัวเพื่อนาคจะได้ตบเช่นนี้ วิธีการจับนาคีครูจะจับที่ทรงนาคเช่นอย่างนี้ทุกครั้ง และวิธีนาคจะหนีรอดจากการจับก็คือ ถ้านาคตนไหนรู้ว่ากำลังถูกูมครูตามจับ จะรีบกลิ้งก้อนหินหนักๆ ไว้ในท้อง เพื่อพญาคูจจะได้โยนไม่ขึ้น นี้เป็นวิธีที่จะช่วยตนเองให้พ้นภัย แต่หากนาคตนนันกลิ่นก้อนหินไม่ทัน ก็จะถูกพญาคูจับเดี่ยวไป ครั้งนั้น นาคที่ถูกพญาคูจับจึงได้คิดว่า เราจะต้องสลัดให้หลุดจากการจับให้ได้ โอกาส จนกระทั่งร่ายฉบับผ่านต้นโครนำต้นไม้หนึ่ง ซึ่งใช้ขุดลงล้อมเข้ามาเช่นเดียวกันนี้ แต่ด้วยความเร็วแรงของการบิน วิธีการนั้นไม่อาจหยุดพญาคูได้ ต้นไม้โครถอนขึ้นเพราะความเร็วในการบินของพญาคู พญาคูจึงมองปล่อยต้นไม้ใหญ่ พญาคูจึงทำต้นไม้ทั้งต้นส่งถึงไม่ได้ถึงที่