ข้อความต้นฉบับในหน้า
ปกิณกธรรม
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙
ชาวพุทธแท้
ผู้ช่วยสืบอายุพระพุทธศาสนา
ชนเหล่าใดถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่ง ชนเหล่านั้นจักไม่ไปอบายภูมิ
ครั้นละกายมนุษย์แล้ว จักยังทิพยกายให้บริบูรณ์
outrym
เอสาหัง ภันเต สุจิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ
พุทธมามะกาติ โน สังโฆ ธาเรตุฯ
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น แม้เสด็จปรินิพพานไปนานแล้วกับทั้งพระธรรม
และพระสงฆ์ว่าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกอันสูงสุด ขอพระสงฆ์โปรดจำข้าพเจ้าทั้งหลายไว้ว่า เป็นพุทธมามกะ
ผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต
พุทธศาสนิกชนคือผู้มีศรัทธายึดเอาพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ความเป็นชาวพุทธนั้นมิใช่เพียง
แค่การระบุไว้ในทะเบียนบ้านเท่านั้น แต่ต้องยึดถือ
ด้วยใจ และประกาศตนเปล่งวาจาขอเป็นพุทธมามกะ
ชาวพุทธแท้ต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเอง คือทำหน้าที่
เป็นกองเสบียงให้พระศาสนา สนับสนุนพุทธบุตร
ให้ปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างสะดวก เหมือนดังท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี ผู้ทุ่มเททำหน้าที่เป็นกองเสบียง
ช่วยสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง
ตราบกระทั่งถึงปัจจุบัน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี กองเสบียงหัวใจไม่เกี่ยง
“ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีนั้น เป็นต้นแบบของ
อุบาสกผู้ทำหน้าที่กองเสบียง โดยไม่มีข้อแม้ ข้ออ้าง
และเงื่อนไข ตั้งแต่ยอมเอาเงินมาปูเรียงเคียงกันเพื่อ
ซื้อที่ดินสร้างวัดเชตวันซึ่งเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่
พระพุทธศาสนา รวมเป็นเงิน ๕๔ โกฏิ นอกจากนี้
ท่านยังทำหน้าที่ยอดกัลยาณมิตรชักชวนหมู่ญาติ
และเพื่อนที่ทำการค้าด้วยกันให้มานับถือพระพุทธ
ศาสนา จนเข้าถึงธรรมกันอีกมากมาย
กิจวัตรของท่านนั้น ตอนเช้าจะถวายภัตตาหาร
“อรรถกถาขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๓๙ หน้า ๑๕๔