วิทยาศาสตร์ทางใจและการควบคุมเมตาบอลิซึม วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน ธันวาคม พ.ศ.2552  หน้า 82
หน้าที่ 82 / 112

สรุปเนื้อหา

บทความนี้อธิบายถึงการควบคุมเมตาบอลิซึมในร่างกายผ่านการเข้าสู่ภาวะสมาธิ โดยการใช้ความคิดและจิตเป็นเครื่องมือ ชี้ให้เห็นว่าเมตาบอลิซึมสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอาหาร น้ำ หรือแม้แต่การหายใจ สามารถอยู่นิ่งได้นานถึง 49 วันในภาวะสมมติ โดยมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะสนับสนุน ควบคู่ไปกับการทำงานของอิทธิบาท 4 อันเป็นสิ่งที่ช่วยในการบรรลุผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าหากมีความตั้งใจที่ชัดเจน หมายถึงการประยุกต์ใช้สมาธิอย่างเต็มที่ จนกระทั่งเซลล์ในร่างกายสามารถทำความสะอาดตัวเอง และยังสามารถดำรงชีวิตได้ตราบจนจักรวาลมีอายุอยู่ต่อไป ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่น่าทึ่งที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างวิทยาศาสตร์และจิตวิญญาณ รูปแบบการควบคุมพลังงานจากภายใน เพื่อที่จะใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตและสุขภาพอย่างยั่งยืน การพัฒนาตนนี้ก็มีความหมายสำคัญสำหรับผู้ที่ศึกษาและปฏิบัติธรรมนั้น.

หัวข้อประเด็น

-วิทยาศาสตร์ทางใจ
-การควบคุมเมตาบอลิซึม
-อิทธิบาท 4
-ภาวะสมาธิ
-ความสามารถของใจ
-การบริหารพลังงานในร่างกาย

ข้อความต้นฉบับในหน้า

รับประทานอาหาร ๔๙ วันเลย ๔๙ ปี ก็ยังอยู่ได้ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะเปลี่ยนแค่มวลสารนิดเดียวใน ร่างกายให้กลายเป็นพลังงาน ก็ได้พลังงานมหาศาล แล้ว ถ้ามองในแง่ความเป็นไปได้เชิงวิทยาศาสตร์ ก็ไม่ได้เกินเลยไป เพียงแต่ว่าถ้าทางวิทยาศาสตร์ จะทำให้เกิดพลังงานจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ จะ ต้องสร้างเตาปฏิกรณ์ปรมาณู เป็นเรื่องใหญ่โต มโหฬาร แต่วิทยาศาสตร์ทางใจไม่ต้องสร้างเตา ปฏิกรณ์ปรมาณูภายนอกอย่างนั้น แต่ใช้ใจเป็นตัว ควบคุม เป็นวิทยาศาสตร์ทางใจที่มีความละเอียด ลึกซึ้งมากกว่าจึงจะได้อย่างนี้ ในภาวะที่เป็นสมาธิหยุดหายใจแล้วอยู่ได้ อย่างไร? อยู่ได้เพราะเมื่อใจนิ่งถึงจุดหนึ่ง โดยเฉพาะ ผู้ที่สามารถเข้านิโรธสมาบัติได้ถือว่าใจนิ่งสนิทมาก อิทธิบาท ๔ มีอะไรบ้าง? โดยความหมายเรารู้อยู่แล้วว่า อิทธิ แปลว่า ฤทธิ์ บาท แปลว่าทางไป อิทธิบาทจึงหมายความ ว่า ทางไปสู่ความเป็นผู้มีฤทธิ์นั่นเอง มี ๔ ข้อ คือ หยาบ ๆ ทั่วไป มี ๔ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา ถ้าในแง่การทำงาน ข้อนี้งานก็สำเร็จ คือ จะมี ฤทธิ์ทีเดียว ทำงานอะไรสำเร็จหมด ไม่ว่าจะเป็นงาน ทางโลก หรืองานทางธรรม หรือเป็นความปรารถนา จะมีฤทธิ์ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ถ้ามีอิทธิบาท ๔ สำเร็จทั้งนั้น ขอให้มีสมาธิที่ดีถึงขีดถึงขั้นเท่านั้นเอง ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีฉันทะ คือมีความปรารถนา ที่จะอยู่ เพราะมีผู้อาราธนา พอมีความปรารถนาที่ จะอยู่ พระองค์ก็มีวิริยะ คือประกอบความเพียร ดำาเนินจิตเป็นวิริยสมาธิลงไป แล้วก็มีจิตตะ คือ ใจจดจ่อนั่งลงไป ก็จะเกิดวิมังสา เกิดปัญญาความ กระจ่างแจ้งขึ้นมาภายในว่าจะทำอย่างไรให้อยู่ได้ จะสามารถควบคุมเมตาบอลิซึมในร่างกายได้ ก็ เป็น ๑ กัป ก็จะดำเนินจิตไปตามนั้น ๆ คล้าย ๆ กับภาวะกบจำศีล ที่จำศีลครั้งหนึ่ง 5 เดือน อยู่นิ่ง ๆ กึ่งหยุดหายใจ หัวใจเต้นช้ามาก อาหาร ก็ไม่ต้องกิน อยู่นิ่ง ๆ อย่างนั้นตั้งหลายเดือนยังอยู่ได้ ก็คล้าย ๆ กัน แต่นี่มีควา แต่นี่มีความนิ่งมากกว่านั้น เป็นภาวะ ที่มีการควบคุมเมตาบอลิซึมแล้วเข้าสู่ภาวะสมดุล ออกซิเจนที่ใช้น้อยมาก ลำพังแค่ซึมเข้าทางผิวหนัง ก็เพียงพอให้สามารถอยู่ได้ (ปกติผิวหนังก็มีการ ดูดซึมออกซิเจน แต่ว่าน้อยถ้าเทียบกับทางปอด) เพราะฉะนั้น ๔๙ วัน ไม่หายใจก็อยู่ได้ ไม่รับประทาน อาหารก็อยู่ได้ ไม่ดื่มน้ำก็อยู่ได้ ถ้าไม่ดื่มน้ำ ไม่ รับประทานอาหาร ก็ไม่จำเป็นต้องมีการขับถ่าย และสำหรับผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติระดับพระสัมมา สัมพุทธเจ้ายิ่งสุดยอด ขอแต่เพียงพระองค์มีความ ปรารถนา เมื่อมีผู้อาราธนาเท่านั้น พระองค์ก็จะ เจริญอิทธิบาท ๔ และอยู่ได้ ๑ กัป สบาย ๆ ถ้าจะอธิบายผลที่เกิดขึ้นกับร่างกายเมื่อใจนิ่ง ถึงจุดนั้น แล้วมีฉันทะ คือ ความพอใจที่จะอยู่ ต่อไป แล้วประกอบความเพียรโดยมีใจจดจ่อนิ่งไป อย่างนั้น จนกระทั่งทุกเรื่องกระจ่างชัดหมด เซลล์ ในร่างกายจะขจัดส่วนที่เป็นสารพิษออกไปจากเซลล์ ทำให้เซลล์มีความสดชื่น หนุ่มเสมอ ก็ไม่มีปัญหา อยู่ได้จริง ๆ จะอยู่เกินกับก็อยู่ได้ ที่ว่าอยู่ได้ ๑ กัป เพราะว่า ๑ กัป ก็คือเวลาที่จักรวาลตั้งอยู่ จนกระทั่ง ถึงเวลาที่จักรวาลเสื่อมสลาย อาจจะเกิดไฟบรรลัย กัลป์ หรือลมบรรลัยกัลป์ หรือน้ำบรรลัยกัลป์ ล้างโลก ก็ตาม ก็น่าจะพอแล้ว ก็เข้าพระนิพพานไป ถ้าหากว่า พระองค์จะปรารถนาอยู่เกินกว่านั้น ถ้าจักรวาลอายุ ยืนต่อไปก็สามารถอยู่ได้ แต่ว่าโดยทั่วไปโลกที่เรา อยู่มีอายุ ๑ กัป ก็อยู่เท่าอายุของโลก ดังนั้นจะเห็นว่าเมื่อใจนิ่งเราควบคุมทุกอย่าง
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More