ข้อความต้นฉบับในหน้า
ทุกเช้าพระภิกษุทั้ง ๕ รูป จะออกบิณฑบาต
เป็นเนื้อนาบุญให้ชาวบ้านได้สั่งสมบุญ
คุณป้าที่อยู่ในพื้นที่คนหนึ่งเล่าว่า “ตั้งแต่มี
พระมาอยู่จะได้ยินเสียงระฆังปลุกตั้งแต่ตี 4 กว่า ๆ
จากนั้นก็ได้ยินเสียงพระสวดมนต์ โยมก็ลุกสวดมนต์
ตามพระจากนั้นก็ไปหุงข้าวทำกับข้าวเตรียมใส่บาตร
พอวันพระก็ไปทำบุญ ฟังเทศน์ ฟังธรรม ชาวบ้าน
ก็มีความสุข”
วิถีชีวิตของชุมชนที่นี่เปลี่ยนไปนับตั้งแต่
มีพระภิกษุมาจำพรรษา ชาวบ้านมีหลักพักพิงใจ หาก
ว่างจากภารกิจการงานเมื่อใดก็พากันไปช่วยพระภิกษุ
พัฒนาวัด ครั้นตกเย็นก็ไปสวดมนต์ทำวัตรกับ
คณะสงฆ์ จากนั้นก็ได้นั่งสมาธิและฟังเทศน์ ฟังธรรม
จิตใจของทุกคนก็แช่มชื่นเบิกบาน
สำหรับพระภิกษุที่ทำหน้าที่เป็นเนื้อนาบุญ
และเป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาของสาธุชนแห่งวัดฉลึกมงคล
ทั้ง ๕ รูปนั้น ท่านได้เล่าถึงความรู้สึกให้ฟังว่า
พระตาล ภทฺทาสโภ “ตอนมาอยู่ครั้งแรก
สภาพวัดดูไม่ได้เลย ทุกอย่างผุพัง ปลวกก็ขึ้น ซึ่ง
สหธรรมิกที่มาอยู่ด้วยกันมีจำนวน ๕ รูป ช่วยกัน
บูรณปฏิสังขรณ์ ชาวบ้านพากันมาใส่บาตรจนล้น
เหลือทุกวัน พอวันพระก็มาสวดมนต์ด้วย
รูปต่อมา คือ พระ กมลสุโก ท่านเล่าว่า
“แต่ก่อนอาตมาเป็นคนดื้อดึง หัวรั้น ไม่ฟังใคร
พอมาบวชและได้ฟังธรรมะที่หลวงพ่อสอนก็จับจิต
จับใจ ในชีวิตที่ผ่านวัยมา ๖๐ กว่าปี ไม่เคยคิดว่า
จะมีใครพูดธรรมะได้จับใจเท่านี้ อาตมาซาบซึ้งมาก
ตอนนี้ได้มาทำภารกิจพลิกวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง พอมา
ถึงวัดพวกเราก็ปรึกษาหารือกันว่า เราได้ชื่อว่าผ่าน
การอบรมมาจากวัดพระธรรมกาย จะไม่ทำให้เสียชื่อ
ถ้าพระมีคนก็นิยม พระไม่ดีคนก็ไม่นิยม พวกอาตมา
ก็ปฏิบัติศาสนกิจไม่เคยขาดเลย ยิ่งปฏิบัติดีชาวบ้าน
ก็ยิ่งปลื้ม พากันมาใส่บาตรเยอะมาก ทำให้ชีวิต
สมณะในแต่ละวันมีคุณค่ามาก ๆ”