ข้อความต้นฉบับในหน้า
๙๑
สิ้นเสียงหลวงพ่อ ทุกคนในรถจะยิ้ม ๆ เพราะบางทีเธอก็พูดประโยคใหม่ขึ้นมา บางที
ก็พูดซ้ำแบบเดิม แต่ไม่ว่าจะพูดประโยคไหนออกมาก็ตาม ก็ยังไม่มีใครฟังคำที่เธอพูดทันเลยสักครั้ง
ผมเองพยายามตั้งใจฟังอยู่นานก็ยังไม่เคยประสบผลสำเร็จ ลองใช้วิธีพูดตามทันทีที่ได้ยิน
เสียงเธอดังขึ้น แต่แล้วก็จับเสียงที่ติดหูมาได้แค่เพียงนิดเดียว “อิชิอิชิโดเระ!”
จากแรก ๆ ที่มีความรู้สึกแปลกใหม่เมื่อได้ยิน อิชิอิชิโดเระ! ดังขึ้น แต่พอนานวันเข้า
ความรู้สึกก็เปลี่ยนเป็นชวนให้ขำ เมื่อเราต้องนั่งฟังเธอพูด....พูดบ่นอะไรก็ไม่รู้...ไม่รู้เธอเป็นอะไร
ของเธอ
ๆ
ระยะหลัง ๆ นี้ผมเริ่มจะไม่ขำเมื่อเธอยัง อิชิอิชิโดเระ! เช่นเดิม และหลวงพ่อยังคงพูดขึ้น
มาเหมือนเดิมว่า “เธอพูดอะไรของเธอ?”
ทำให้ผมเริ่มที่จะฉุกคิดขึ้นมาว่า นี่ไม่ใช่เรื่องที่ปกติแล้ว บางทีอาจจะต้องกระตือรือร้นที่
จะหาความหมาย คำแปลที่ถูกต้องว่าเธอพูดอะไร ต้องการบอกหรืออยากสื่อสารอะไรกับเรากันแน่
และที่สำคัญผมได้ฉุกคิดอะไรขึ้นมาบางอย่าง
เรากำลังมองข้ามบางสิ่งไปหรือเปล่า?
จิ๋ว! นิ้ว! ไป! ไป! รู้ไหมว่ามันอันตราย ผมส่งเสียงดัง ๆ พร้อมเดินเข้าไปไล่ไก่ให้ไปหากินที่อื่น
ลูกไก่ทั้งฝูงแตกกระเจิงไปคนละทาง มันคงงง ๆ ว่า กำลังเอร็ดอร่อยอยู่ดี ๆ มาขัดขวาง
มันทําไม
ส่วนแม่ไก่ตกใจกระพือปีกบินหนีไปอยู่ห่าง ๆ แล้วหยุดหันมามองผม “นี่แม่ไก่...รู้ไหมว่า
โฟมนี้ไม่ใช่ข้าวสุก กินเข้าไปไม่ได้ มันอันตราย ขืนกินเข้าไปอีกเดี๋ยวก็ตายกันพอดี เพราะกินเข้า
ไปแล้วมันไม่ย่อย รู้บ้างไหม?” แม่ไก่นั่งฟังเหมือนเข้าใจ
เรื่องก็จบลงง่าย ๆ เช่นนี้
ผมเดินจากมา รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำสิ่งบางสิ่งที่
งสิ่งที่ดีและเหมาะสม เมื่อหันกลับไปมอง ทั้งแม่ลูก
ต่างก็เข้าไปบรรเลงจิกกินโฟมอย่างเอร็ดอร่อยตามเดิม
นี่แสดงว่ามันไม่เข้าใจ และไม่สนใจคำเตือนของเราเลย
ถ้าหากว่าเรายกลังโฟมไปไว้ที่อื่นไม่ให้ตามไปจิกได้อีก มันก็คงไม่เข้าใจความห่วงใย และ
ความหวังดีที่เรามีให้แน่ ๆ
ผมไม่รู้จะสื่อสารอย่างไรให้พวกมันเข้าใจ ให้รู้จักระมัดระวัง และให้รู้ถึงอันตรายของสิ่งที่
กินไม่ได้ สุดท้ายก็ทำได้แค่เพียงบ่นพึมพำให้พวกมันได้ยิน อิชิอิชิโดเระ!