การเผชิญหน้ากับมารและการเข้าใจธรรม Dhamma TIME เดือนสิงหาคม พ.ศ.2557 หน้า 27
หน้าที่ 27 / 40

สรุปเนื้อหา

ในบทสนทนานี้ พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงธรรมชาติของมารและความสำคัญของการเข้าใจธรรม ซึ่งมนุษย์สามารถเห็นได้ด้วยตนเอง มารมีความเป็นจริงในมิติของการทำงานเพียงไม่ให้คนมีความเข้าใจในธรรม ความโลภและกิเลสเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนไม่เข้าถึงความดี ควรเรียนรู้ที่จะน้อมเข้าไปในตนเพื่อรับรู้ถึงธรรมที่วิเศษ ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตผู้คน

หัวข้อประเด็น

-การเผชิญหน้ากับมาร
-ธรรมที่เป็นทางออก
-บทบาทของความดีในชีวิต
-ความเข้าใจในธรรม
-การเอาชนะกิเลสและความโลภ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ในระหว่างทาง มาผู้มีบาปไปเขาถึงพระเจ้าพระองค์แล้วกล่าวกับพระพุทธองค์ว่า "สมณะท่านได้บ่านขบต่างไหม" พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "แนะมาผู้บาป ท่านได้กระทำให้ไม่ได้บ่นขบตามใช่หรือ" มารังทราบดูว่า "ถ้าอย่างนั้น" ขอพระผู้มีพระภาคเจาจงเสด็จเข้าไปเพื่อบ่นขบาด้วยครั้งที่สองอีกเถิด พระเจ้าข้า ข้าพระองค์จึงกระทำให้พระผู้มีพระภาคเจ้าได้รับบันฑบาด" พระบรมศาสดาตรัสว่า "ดูกรมผู้ใจบาปท่านมาขวดขวดตลก ได้ประณีที่มีใช่ญแล้ว ท่านเข้าใจว่าบาปย่อมไม่ผลแก่ตัวเองนั่นหรือ คู่อมารถ ตกตาไม่ได้รับบาตร แต่ตกตาเป็นผู้มีความกลัว ย่อมด่าวจุได้อย่างมีความสุข ตกภาคดักเป็นผู้มีปีดเป็นกักขา ขอโงอาจสาธารณะพ" มาว่ะไม่สามารถอธิบายของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ ก็กลัวเสียใจ จึงได้อณตรธานหายไปต่อหน้า พระพิสิษฐ์ แต่ก็จะนี้ท่ากระลมหลายหลายมาแล้ว เพราะเสียงไว้รำลึกไม่อ่อนหยุดเสียง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสอว่า "ดูอนิจกะ" แห่นี้นี้ไม่หลอมลงมาหรอก แต่เสียงดังลั่นประหนึ่งแผ่นดินจะทุฏิพังลงมา ภูมิฐานหนึ่ง ตกกอดใจเพราะไม่เคยได้ยินเสียงดังขนาดนี้มาก่อน จึงถามเพื่อนกษตรรมว่า"แผ่นดินนี้เห็นท่าจะล้มลงหลายลงมาแล้ว เพราะเสียงนี้รำพัสไม่อ่อนหยุดเสียง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสอว่า "ดูอนิจกะ" แห่นี้นี้ไม่หลอมลงมาหรอก แต่เสียงดังลั่นประหนึ่งแผ่นดินจะทุฏิพังลงมา เราจะเห็นว่า มารึ่งเป็นผู้ด้วยความดีนันมีซึ่งมิติเหมอยู่จริงๆ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความธรรมอย่างที่คนธรรมดาสม คิดกันเท่านั้น ว่าคือคาสิกิเอสทีเป็นความโลภ ความโกธร ความหลง จับต้องไม่ได้ แต่ธรรมฝ่ายอิทธิฤทธิ์และกุศลธรรม ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับความโลภและกิเลสทั้งหลาย มักถูกัมมาก มีความคับแค้นมาก โทษในความทั้งหลายมาก ธรรมนี้มีผลจะเห็นได้ด้วยตนเอง ไม่กัดกัดด้วยกาล เป็นของครรเรียกกันดู ควรน้อมเข้าไปในตน เป็นของอันวิเศษญานทั้งหลายพึ่งได้เฉพาะตน มารเมื่อเห็นว่าพวกกิเลสไม่ยอมเชื่อฟังตนเอง จึงได้อณตรานายไป เราจะเห็นว่า มารซึ่งเป็นผู้ลูกขาวความดีนั้นมีมิติเหมอยู่จริงๆ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความธรรมอย่างที่คนธรรมดาสม คิดกันเท่านั้น ว่าคือคาสิกิเอสทีเป็นความโลภ ความโกธร ความหลง จับต้องไม่ได้ แต่ธรรมฝ่ายอิทธิฤทธิ์และกุศลธรรม ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับความโลภและกิเลสทั้งหลาย มักถูกัมมาก มีความคับแค้นมาก โทษในความทั้งหลายมาก ธรรมนี้มีผลจะเห็นได้ด้วยตนเอง ไม่กัดกัดด้วยกาล เป็นของครรเรียกกันดู ควรน้อมเข้าไปในตน เป็นของอันวิเศษญานทั้งหลายพึ่งได้เฉพาะตน มารเมื่อเห็นว่าพวกกิเลสไม่ยอมเชื่อฟังตนเอง จึงได้อณตรานายไป
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More