ข้อความต้นฉบับในหน้า
บันทึกเป็นลักษณนามของในพุทธศาสนา
เก่าแก่ของสังกัด คือพระคัมภีร์ที่ปรัชและพระคัมภีร์ธวัช ที่บันทึกตำนานการประดิษฐาน พระพุทธศาสนาไว้ซึ่งทัชชิมิวิทย ซึ่งนักวิชาการ มีความเห็นว่า “ที่ปางค์” น่ะแปลว่าม่วงอัน ซึ่งฉบับว่าเช่นดวงประทีปหรือวงศ์อันเป็นประดูก ดวงประทีป อัญประกายถึงองค์แห่งพระพุทธเจ้า ต้นฉบับพระคัมภีร์ที่ปรัชคือพระคัมภีร์ธวัชเป็นภาษาสันสกฤต ภาษาบาลี ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเจนขึ้น เมื่อใดและใครเป็นผู้ประพันธ์ แต่เชื่อว่าเป็นผลงานที่มีจุดเริ่มต้นจากการสืบทอดตำนานแบบปากต่อปาก ที่เรียกว่า “มุมปูตะ” จากนั้นจึงบันทึกเรื่องราวเป็นลายลักษณ์อักษรโดย ผู้ประพันธ์หลายคน ภาษาที่ใช้ในการประพันธ์ จึงไม่สะดวกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเท่าที่ควร
ต่อมา ราวคริสต์ศตวรรษที่ 5 พระมาหากเพทะนานมาแห่งอาณาจักรเปอร์ ไดัรับจานพระคัมภีร์มหาวงศ์นี้อีกเมิ้งหนึ่ง ในรูปแบบคาถา โดยอาศัยข้อมูลจากแหล่ง เดียวกับพระคัมภีร์ธวัช โดยเฉพาะ ข้อมูลจากคัมภีร์หลากหลายสัก ตกตา ของ คณะสงฆ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็น มหาวิทยาลัยอันยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนา ฝ่ายเถรวาท ดังนั้นเนื้อหาของพระคัมภีร์ ที่ปวงศ์และพระคัมภีร์มหาวงศ์จึงเหมือน กันมาก มีเพียงลำดับเนื้อเรื่องที่แตกต่างกัน
เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากพระคัมภีร์ธวัชคือเป็นวรรณคดีมหากลี่งที่มีความสำคัญที่สุด เล่มหนึ่ง ต้นฉบับเดิมอัษษีลงได้มารับการถ่ายทอด (transliterate : แปลตัวเขียนจากภาษาหนึ่งไปเป็นอีกภาษาหนึ่ง) เป็นอักษรต่าง ๆ รวมทั้งอักษรขอม ซึ่งเป็นอักษรศักดิ์สิทธิ์ที่ในอดีต มักใช้นำเรื่องราวทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ฉบับที่ค้นพบโดยสำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร เป็นพระคัมภีร์ที่ปรัชบรรจุรองทรง มีอายุอยู่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เนื้อหาของพระคัมภีร์เริ่มต้นด้วยการเสด็จเยือนสักการินของพระ-สัมมาสัมพุทธเจ้า 3 ครั้ง ดังนี้
ลงฑาม ๒๕๖๖ อยู่ในบุญ ๕๕