การให้ทานตามหลักพระพุทธศาสนา  วารสารอยู่ในบุญประจำเดือน ตุลาคม พ.ศ.2560 หน้า 85
หน้าที่ 85 / 106

สรุปเนื้อหา

การให้ทานที่สมบูรณ์ตามหลักพระพุทธศาสนาแบ่งเป็น 5 ประการ คือ การให้ด้วยศรัทธา, การให้ด้วยความเคารพ, การให้ตามกาล, การให้ด้วยจิตอนุเคราะห์ และการให้โดยไม่กระทบตนและผู้อื่น ซึ่งทุกอย่างมีอานิสงส์ที่ดี ส่งผลให้ผู้ให้มีความสุข และบารมีเพิ่มขึ้น การให้ทานด้วยความศรัทธาทำให้เกิดความเชื่อในกรรมและผลกรรม การให้ด้วยความเคารพทำให้แสดงถึงความอ่อนน้อม และการให้ตามกาลคือการให้ในช่วงเวลาที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ข้อสุดท้ายคือการให้โดยไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้อื่น และทุกวิธีการนี้ล้วนทำให้ผู้ที่ให้ทานมีทรัพย์สมบัติและคุณงามความดีเพิ่มมากขึ้น ข้อความนี้นำเสนอความสำคัญและคุณค่าของการให้ทาน

หัวข้อประเด็น

-การให้ทาน
-หลักการให้ทาน
-อานิสงส์ของการให้
-ความหมายของบารมี
-ความสำคัญของการให้ทานตามหลักพระพุทธศาสนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

การให้แบบนี้จึงเป็นการให้ที่สมบูรณ์ทั้ง ผลและอานิสงส์ ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ตรัสไว้ใน สัปปุรณาทสูตร อังควตรนิวาย ปัญจกนิบาต ว่า “ดู๋ก่อนภิกขุทั้งหลาย สัปปุรณาาน 5 ประการนี้ เป็นอัน คือ สัตตูรฺ ยอามให้ทานด้วยศรัทธา 1 ยอามให้ทานโดยเคารพ 1 ยอามให้ทานโดยกาลอันควร 1 เป็นผู้มิจฉามนฺ ตะให้ทาน 1 ยอามให้ทานไม่กระทบตนและผู้อื่น 1” ๑. สัตตูรฺ ยอามให้ทานด้วยศรัทธา คือ ให้ด้วยความเลื่อมใสในกรรมและผลของกรรมว่า ทำดีย่อมได้ผลดี ทำชั่วก็ได้ผลเป็นทุกข์ เดือดเนื้อร้อนใจ เชื่อว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน คือ เป็นไปตามกรรมที่ตนกระทำ และเชื่อในปัญญาเครื่องรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า คนนจะบริสุทธิ์ได้ด้วยการประกอบความดี ด้วยกาย วาจา ใจที่บริสุทธิ์มาก และจะสามารถเข้าถึงธรรมะภายในตน ซึ่งมีอยู่แล้วในสรรพสัตว์ทั้งหลายได้ การน้อมนำธรรมะของพระสัมมาสัมพุทฺธเจ้ามาปฏิบัติ จะทำให้ตนมีความบริสุทธิ์ขึ้น จนถึงขั้นบริสุทธิ์ได้ ผู้ที่ให้ทานด้วยความศรัทธา พระผู้- พระภาคเจ้าตรัสว่า ย่อมเป็นผู้มีคง มทรัพย์มาก มีโคมาก และเป็นผู้บูรณ์สมงาม น่าดู- น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยผิวพรรณงามยิ่งนัก ในที่ท่านนั้นส่งผล ๒. สัตตูรฺย่อมให้ทานด้วยความเคารพ คือ เคารพในตัวบุคคล มีความอ่อนน้อม เช่น การยกประเคนด้วยมือทั้งสอง รวมทั้งให้ด้วยกิริยาของคารวะในทาน เช่น ยกนิ้วขอเหน่อหัวแล้วจึงให้ เป็นต้น ผู้ที่ให้ทานด้วยความเคารพ พระผู้- พระภาคเจ้าตรัสว่า ย่อมเป็นผู้มีคง มทรัพย์มาก มีโคมาก และเป็นผู้บริจาคน้อมไปเพื่อบริโภคามคุณ ๕ สู้อยู่ในที่ที่ท่านนั้นส่งผล ๓. สัตตูรฺยอามให้ทานตามกาล คือ ให้ในเวลาที่สมควร ซึ่งเป็นเวลาจำเพาะที่จะต้องให้ในช่วงนี้เท่านั้น เลเวลานี้ไปก็ไม่สำเร็จ ประโยชน์แล้ว เช่น การถวายผ้ากุสินฑ์ส่งเป็นต้น ผู้ที่ให้ทานตามกาลอันควรแล้ว พระผู้- มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ย่อมเป็นผู้มีคง มทรัพย์ มาก มีโคมาก และย่อมมีความต้องการที่เกิดขึ้นตามกาลบริบูรณ์ ในที่ท่านนั้นส่งผล ๔. สัตตูรฺยอามให้ทานด้วยจิตที่อนุเคราะห์ คือ เมื่อเห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ขาดแคลนปัจจัย ก็มีจิตอนุเคราะห์ช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน ผู้ให้ทานด้วยจิตอนุเคราะห์ พระผู้- มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ย่อมเป็นผู้มีคง มทรัพย์มาก มีโคมาก และเป็นผู้เจ็บน้อมไปเพื่อบริโภคามคุณ ๕ สูง-yิ่งขึ้น ในที่ท่านนั้นส่งผล ๕. สัตตบุญยอให้ทานโดยไม่กระทบตนเองและผู้อื่น คือ การให้โดยไม่ทำลายคุณความดีของตนเองและผู้อื่น สัตตบุญไม่ผิดศีลไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนเพราะถวายทาน เช่น มาสัตว์ทำอาหารเพื่อถวายพระ เพราะการให้ทานอย่างนี้เป็นการทำลายคุณงามความดีของตนเอง อีกนัยหนึ่ง สัตตบุญไม่ทำทานด้วยการทำให้คนอื่นเดือดร้อน หมดกำลังใจ เกิดการกระทบกระเทือนใจ เช่น ทำบุญกับคนอื่น
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More