การถกเถียงระหว่างพระกุมารกัสสะปะและพระเจ้าปายาสิสะ  วารสารอยู่ในบุญประจำเดือน ตุลาคม พ.ศ.2560 หน้า 47
หน้าที่ 47 / 106

สรุปเนื้อหา

ในบทสนทนานี้ พระกุมารกัสสะปะพยายามชี้ให้พระเจ้าปายาสิสะเห็นถึงความอันตรายจากการยึดติดกับความเชื่อเท็จต่าง ๆ ผ่านการเปรียบเทียบเรื่องราวหลาย ๆ เรื่อง เช่น การเดินทางที่อาจนำไปสู่การตายหรือล้มเหลวหากไม่เปิดใจรับฟัง คำอธิบายของพระกุมารกัสสะปะถึงแม้จะชัดเจน แต่พระเจ้าปายาสิสะยังยืนยันในความเชื่อเดิมอย่างหนักแน่น ทำให้เกิดคำถามว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ในอนาคตเมื่อยึดติดอยู่กับทิฐิ

หัวข้อประเด็น

-ความเชื่อผิดๆ
-การเปิดใจรับฟัง
-บทเรียนจากการเปรียบเทียบ
-การถกเถียงและสนทนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เมื่อพระบุญกัสสะปะ อธิบายดังนี้อยู่ดี จึงทูลขอให้พระเจ้าปายาสิสะทิภูและยอมสะ ความเห็นผิดเช่นนี้เสีย แต่พระเจ้าปายาสิสะไม่ยอม จึงพูดขึ้นว่า..หากยอมสะทิและความเชื่อ นี้ ก็จะมีคนมากว่าโยมได้ว่า.. พระเจ้าปายาสิสะนี้ ช่างโง่เขลา ไม่ฉลาด ที่ผ่านมาได้ดีแต่ สิ่งผิด ๆ มาตลอด !!! พระกุมารกัสสะปะตอบว่า : เรื่องนี้.. เปรียบเหมือนกับเรื่องของนาถกอมเกวิน ๒ คน คนแรกได้ค้านคะแนเกวิน ๕๐๐ คน เดิน ผ่านพื้นที่นาคารโดยบรรทุกกัญญา ฟืน ไปไม้ และนำไปด้วย แต่ระหว่างทางพอได้เจอคนตัวเปียกชุ่มเดินสวนทางมา แล้วตะโกนบอกว่า..ข้างหน้ามีแหล่น้ำ มีฟินมากมาย ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องบรรทุกน้ำบรรทุกฟืนให้หนัก เปล่า ๆ ด้วยเหตุนี้..นายกองเกวินจึงเชื่อ แล้ว สั่งให้ทุกคนล้มลงมาระทั่งหมด แต่เนิงจาก พอเดินทางต่อไปจริง ๆ กลับไม่พบฟินหรือ แหล่น้ำใด ๆ เลย และด้วยความหิว อ่อนล้า ทำให้พวกเขามอดแรง แล้วถูกพวกมนุษย์จับกินหมด ตรงข้าม นายกองเกวินอีกคนหนึ่ง นำกองเกวียนทั้ง ๑๐๐ คน เดินทางไปบน เส้นทางเดียวกัน และเจอเหตุการณ์เหมือนกัน แต่นายกองเกวินคนนี้ไม่ยอมงั้นสัมภระ ใด ๆ เลย จึงทำให้ผู้คนทั้งหมดรอดชีวิต จากเรื่องนี้..พระองค์ก็เหมือนนายกอง เกวียนคนแรก ซึ่งนอกจากพระองค์จะอดตาย แล้ว ยังนับจำนวนมากไว้ลงอดอยตามไป ด้วย ดังนั้นให้พระองค์ละติุและความเห็น ผิด ๆ เสียเถิด แม้พระกุมารกัสสะปะพูดถึงขนาดนี้แล้ว พระเจ้าปายาสิสะยืนยันที่จะไม่ละความเชื่อ นี้..เปรียบเสมือนคนบนถิ่นใหญ่ใส่ผ้าแล้วเทิน ไว้บนหัว เพื่อเอาถึงมุ่งไปเป็นอาหารให้หมูของ ตน แต่ระหว่างทางฝนตก เลยทำให้หยุมที่ถูก นำในห่อผ้าไหลและออกมาเป็นทาง เหมือนเลยอะ ไปทั้งตัว ซึ่งพวกชาวบ้านเห็นก็รุมว่ากว่า.. คนบ้า แต่ซายคนที่เห็นก็ชมกลับบอกว่า..ตน ไม่ได้บ้า แต่อาจตาบอดจากตาตนต่างหากที่บ้าน ซึ่งพระองค์ก็จำลักษณะเป็นแบบชายคนนี้ ดังนั้น จงละทิฐิและความเห็นผิดดี ก็จะยิ่งเห็นความดี พระเจ้าปายาสิสะก็ยังไม่ละทิฐิอยู่ดี พระกุมารกัสสะปะจึงกล่าวต่อว่า : เรื่องนี้..เปรียบเสมือนนักลงสัก ๒ คน คนแรก เล่นชนะตลอด แต่เมื่อชนะทีไร ก็ระลึมรื่นเบื้อง ของที่ฝั่งนี้เข้าไป คนแพ้เลยต่อรองว่า บ่นขอเบี้ยนมาไว้บ้าง จากนี้คนแพ้เอาเบี้ยน มาอาบยาพิษ และนิดกันเล่นสักใหม่ ซึ่งเมื่อ คนเดิมชนะอีก ก็กลิ่นเบี้ยนของอีกฝั่งหนึ่งเข้าไป อีก แต่เบี้ยนครั้งนี้เป็นเบี้ยอาบยาพิษ เลยทำให้ คนแพ้ตาย พระองค์ก็เหมือนกันคนกลืนเบี้ยน อาบยาพิษนั้นแหละ และแม้พระกุมารกัสสะปะ พูดถึงขนาดนี้แล้ว พระเจ้าปายาสิสะยังไม่ละทิฐิ อยู่ดี พระกุมารกัสสะปะจึงกล่าวต่อว่า : เรื่อง นี้..เปรียบเสมือนชาย ๒ คนเดินทางไกล ระหว่างทางได้เจอเปลือกป่าน ก็ได้พากัน เอาเปลือกป่านมาเรียงมันไว้อย่างเป็นระเบียบ แล้วแบกไปคนละมัด แต่พอชายคนแรกเดิน ต่อไปเจอด้วยป่าน ก็ยังเปลือกป่าน แล้วบอก เพื่อนคนที่ ๒ ว่าให้หลังเปลือกป่าน เพื่อเอา สิ่งที่มีค่ากว่าแทน แต่อย่าคนที่ ๒ ไม่อยอม ทิ้ง โดยให้เหตุผลว่า..อุตส่าห์แบกเดินทาง
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More