ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อพระบุญกัสสะปะ อธิบายดังนี้อยู่ดี
จึงทูลขอให้พระเจ้าปายาสิสะทิภูและยอมสะ
ความเห็นผิดเช่นนี้เสีย แต่พระเจ้าปายาสิสะไม่ยอม
จึงพูดขึ้นว่า..หากยอมสะทิและความเชื่อ
นี้ ก็จะมีคนมากว่าโยมได้ว่า.. พระเจ้าปายาสิสะนี้
ช่างโง่เขลา ไม่ฉลาด ที่ผ่านมาได้ดีแต่
สิ่งผิด ๆ มาตลอด !!!
พระกุมารกัสสะปะตอบว่า : เรื่องนี้..
เปรียบเหมือนกับเรื่องของนาถกอมเกวิน ๒
คน คนแรกได้ค้านคะแนเกวิน ๕๐๐ คน เดิน
ผ่านพื้นที่นาคารโดยบรรทุกกัญญา ฟืน ไปไม้
และนำไปด้วย แต่ระหว่างทางพอได้เจอคนตัวเปียกชุ่มเดินสวนทางมา แล้วตะโกนบอกว่า..ข้างหน้ามีแหล่น้ำ มีฟินมากมาย ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องบรรทุกน้ำบรรทุกฟืนให้หนัก
เปล่า ๆ ด้วยเหตุนี้..นายกองเกวินจึงเชื่อ แล้ว
สั่งให้ทุกคนล้มลงมาระทั่งหมด แต่เนิงจาก
พอเดินทางต่อไปจริง ๆ กลับไม่พบฟินหรือ
แหล่น้ำใด ๆ เลย และด้วยความหิว อ่อนล้า
ทำให้พวกเขามอดแรง แล้วถูกพวกมนุษย์จับกินหมด
ตรงข้าม นายกองเกวินอีกคนหนึ่ง นำกองเกวียนทั้ง ๑๐๐ คน เดินทางไปบน
เส้นทางเดียวกัน และเจอเหตุการณ์เหมือนกัน
แต่นายกองเกวินคนนี้ไม่ยอมงั้นสัมภระ
ใด ๆ เลย จึงทำให้ผู้คนทั้งหมดรอดชีวิต
จากเรื่องนี้..พระองค์ก็เหมือนนายกอง
เกวียนคนแรก ซึ่งนอกจากพระองค์จะอดตาย
แล้ว ยังนับจำนวนมากไว้ลงอดอยตามไป
ด้วย ดังนั้นให้พระองค์ละติุและความเห็น
ผิด ๆ เสียเถิด
แม้พระกุมารกัสสะปะพูดถึงขนาดนี้แล้ว
พระเจ้าปายาสิสะยืนยันที่จะไม่ละความเชื่อ
นี้..เปรียบเสมือนคนบนถิ่นใหญ่ใส่ผ้าแล้วเทิน
ไว้บนหัว เพื่อเอาถึงมุ่งไปเป็นอาหารให้หมูของ
ตน แต่ระหว่างทางฝนตก เลยทำให้หยุมที่ถูก
นำในห่อผ้าไหลและออกมาเป็นทาง เหมือนเลยอะ
ไปทั้งตัว ซึ่งพวกชาวบ้านเห็นก็รุมว่ากว่า..
คนบ้า แต่ซายคนที่เห็นก็ชมกลับบอกว่า..ตน
ไม่ได้บ้า แต่อาจตาบอดจากตาตนต่างหากที่บ้าน
ซึ่งพระองค์ก็จำลักษณะเป็นแบบชายคนนี้ ดังนั้น
จงละทิฐิและความเห็นผิดดี ก็จะยิ่งเห็นความดี
พระเจ้าปายาสิสะก็ยังไม่ละทิฐิอยู่ดี
พระกุมารกัสสะปะจึงกล่าวต่อว่า : เรื่องนี้..เปรียบเสมือนนักลงสัก ๒ คน คนแรก
เล่นชนะตลอด แต่เมื่อชนะทีไร ก็ระลึมรื่นเบื้อง
ของที่ฝั่งนี้เข้าไป คนแพ้เลยต่อรองว่า
บ่นขอเบี้ยนมาไว้บ้าง จากนี้คนแพ้เอาเบี้ยน
มาอาบยาพิษ และนิดกันเล่นสักใหม่ ซึ่งเมื่อ
คนเดิมชนะอีก ก็กลิ่นเบี้ยนของอีกฝั่งหนึ่งเข้าไป
อีก แต่เบี้ยนครั้งนี้เป็นเบี้ยอาบยาพิษ เลยทำให้
คนแพ้ตาย พระองค์ก็เหมือนกันคนกลืนเบี้ยน
อาบยาพิษนั้นแหละ และแม้พระกุมารกัสสะปะ
พูดถึงขนาดนี้แล้ว พระเจ้าปายาสิสะยังไม่ละทิฐิ
อยู่ดี
พระกุมารกัสสะปะจึงกล่าวต่อว่า : เรื่อง
นี้..เปรียบเสมือนชาย ๒ คนเดินทางไกล
ระหว่างทางได้เจอเปลือกป่าน ก็ได้พากัน
เอาเปลือกป่านมาเรียงมันไว้อย่างเป็นระเบียบ
แล้วแบกไปคนละมัด แต่พอชายคนแรกเดิน
ต่อไปเจอด้วยป่าน ก็ยังเปลือกป่าน แล้วบอก
เพื่อนคนที่ ๒ ว่าให้หลังเปลือกป่าน เพื่อเอา
สิ่งที่มีค่ากว่าแทน แต่อย่าคนที่ ๒ ไม่อยอม
ทิ้ง โดยให้เหตุผลว่า..อุตส่าห์แบกเดินทาง