ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระของพระอรัณเป็นเครื่องมุทิตาจากหลวงพ่อ ท่านก็ถามว่า "ทันนาคหลวงไหมจะแ" ตามตอบว่าร"ทันครับ" ท่านตอบกลับมาว่า "เอาให้ได้นะลูกนะ" นับแต่นั้นเป็นต้นมา เป้าหมายที่จะเป็นนาคหลวงจึงแจ่มชัด เป็นหลักชัยในการพาเพียรอ่านพระบูระ เมื่อเหนื่อยหรือท้อ ก็จะมีคำพูดนี้เป็นดูจูยึดกังให้กลับมาอีกครั้ง ตลอดระยะเวลาการศึกษานั้น อดมาใช้ทั้งปัญญา ความเพียร และกำลังบุญ ทั้ง 3 อย่างไม่นิ่งไม่น้อยกว่านาน จนเวลาผ่านมาเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีก็เรียนประโยค 9 แล้ว เป้าหมายที่ตั้งไว้ของอยู่แค่เอื้อม แต่มันได้สุดท้ายนนั้นนับว่าหดเอาก็ต้องใช้บุญและไหวพริบในการแต่งประโยคาภาษาไทยเป็นหลักในด้านความเพียรในการดูหนังสืออ่านก็ต้องมากกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วง พรรษาที่ต้องเดินทางไปเรียนที่โรงเรียนคณะสงฆ์ส่วนกลาง แล้วต้องกลับมาแปลหนังสือตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในแต่ละวัน บุญก็ต้องมั่นสั่งสม สวดมนต์ทำวัตร หรือหาบุญพิเศษทำ แล้วอธิษฐานดอกอ้าเป้าหมายทุกครั้งทั้งก่อนสอบและหลังสอบ ในวันประกอบผลสอบ เมื่อเสียงกรรมการประกาศชื่อ "สามเณรภาสาภาราวัฒน์ วัดพระธรรมกาย" ดังนั้น ตามรู้สึกปลื้มปีติ ไม่ใช่แค่เพราะตัวเองสอบผ่านหรือจะได้ปลดกงวลทางการศึกษา (บ่าว่า คณะปลิเปอโ) เสียดายแต่สิ่งที่ปลื้มใจว่านั่นคือ การได้บำชัยชนะ เกียรติยศ มาสู่องหลวงพ่อและวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ คนทั้งหลายจะได้รู้ว่าวัดของเรานั้นได้สอนผิดแต่โดยง่ายใด ในนั้นแม่เป้าหมายแห่งการศึกษาบาลามัจจุปิอสิสุด อดมาได้จบประโยค 9 ตามที่วาดฝันไว้ และได้รับพระราชทานพระบรมราชภัมให้ปสมบทเป็นนาคหลวงแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเหมือนการเริ่มเดินทางไปสู่เส้นทางสายใหม่ที่ว่างไกลกว่าเดิม ต้องใช้งำลังสมาธิและความสามารถที่มีตอบแทนพระพุทธศาสนา หลวงพ่อ วัดพระธรรมกาย ที่ให้ปรามาตลอด 9 ปีชีวิตสมณะ แม้ตอนมาจะเป็นเพียงแค่พระภิษุธรรมครูปหนึ่ง แต่ตอนมาถึงก็หวังใจว่ากำลังความรู้ความสามารถของอาตมานั้น จะยังพระพุทธศาสนาไว้ดำนาสภาพรคู่โลกต่อไปตราบนานเท่านาน
พระมหากาศ ธมฺมวัฒนา ป.ธ.๙
สิงหาคม ๒๕๖๒ อยู่ในบุญ ๓๗