ข้อความต้นฉบับในหน้า
?
หลวงพ่อตอบปัญหา
พระภาวนาวิริยคุณ
ส่วนกรณีดื่มไวน์เพื่อสุขภาพนั้น การดื่มไวน์
อาจจะมีส่วนดีในทางการแพทย์อยู่บ้างก็ได้ แต่ถ้า
นำมาเทียบกับผลเสียทางด้านจิตใจ เทียบกันไม่ได้
ยกตัวอย่าง จิบไวน์นิดๆ หน่อยๆ เพื่อทำให้เลือด
ลมดี แต่ไม่รู้หรอกว่าได้เพาะนิสัยประมาท นิสัย
ขาดวินิจฉัยขึ้นมาในตัวเสียแล้ว
การดื่มไวน์จึงมีทั้งได้ มีทั้งเสีย ในทีแรกอาจ
จะเสียแต่คุ้มได้ แต่พอคุ้นหนักเข้าๆ จะได้ไม่คุ้มเสีย
ถึงตอนนั้นอันตรายจะตามมา
ยิ่งถ้ามองกันให้ลึกๆ จะพบว่า เหล้าและไวน์
เป็นของที่โบราณท่านใช้คำว่า "เป็นเหยื่อล่อของ
พญามาร” คือพอมนุษย์เสพเข้าไป จะติดใน
รสชาติของมันทีละเล็กทีละน้อย ในที่สุดก็ติดมาก
นี่เป็นเหลี่ยมคูของพญามาร
เพราะฉะนั้น ใครที่คิดว่าดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ
ในที่สุด สุขภาพกาย สุขภาพจิตของเขา ก็จะ
วายวอดไปตามไวน์ที่กินเข้าไป เนื่องจากมีโทษภัย
แอบอยู่ข้างหลังตั้งมากมาย
ได้ทราบว่าบางคนดื่มไวน์ราคาขวดละ
เป็นหมื่น อย่างนั้นยิ่งวายวอดหนักขึ้นไปอีก จริงอยู่
แม้ตัวเองจะมีฐานะดี เป็นมหาเศรษฐี สามารถที่จะ
ดื่มเจ้าวายวอดนี้ได้วันละเป็นหมื่นเป็นแสนก็ตาม
แต่ว่านอกจากจะเป็นการเพาะความ
ประมาทให้กับตัวเองแล้ว ยังจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
ให้กับเด็กรุ่นหลังได้ดู แล้วทำตามอย่างบ้าง ถึง
ตอนนั้นจะแก้ไขอะไรก็ไม่ได้
เพราะฉะนั้น ความชั่วใดๆ แม้เพียงเล็กน้อย
อย่าได้ไปทำเลย เพราะว่าความชั่วจะกัดกร่อน
ความดีของเราไปทีละน้อยๆ
เหมือนอย่างกับสนิมที่กัดกินเนื้อเหล็กทีละ
น้อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเหล็กท่อนโตเท่าแขน เท่าขา
ยังถูกสนิมกัดกินจนขาดได้ ฉันใด เหล้าและไวน์ที่
ดื่มเข้าไปทีละเล็กทีละน้อย ในที่สุดมันจะกัดกร่อน
เอาสติและปัญญาของเราออกไป แล้วความชั่ว
ทั้งหลายจะไหลเข้ามาแทนที่ ฉันนั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสเตือนเอาไว้
เป็นกลางๆ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ร่ำรวย หรือเป็นคนจน
ก็ตาม ว่าโทษของการดื่มสุรานั้น มีอยู่ ๕ ประการ
คือ
๑. ทำให้เสียทรัพย์
๒. ทําให้ก่อการทะเลาะวิวาท
๓. ทำให้เกิดโรค
PP.
ทำให้ถูกติเตียนจากผู้รู้
๕. ทำให้ไม่มีความละอาย
ถ้าของมีพิษ ของไม่ดี กลับมองกันว่าเป็นยา
เป็นสิ่งเชื่อมสัมพันธไมตรีในสังคม เมื่อวินิจฉัย
ตรงนี้พลาด อย่างอื่นจะพลอยพลาดตามไปหมด
เพราะฉะนั้นทั้งเหล้า ทั้งไวน์ อย่าได้ไปกินกันเลย
ลูกเอ๊ย