การช่วยเหลือและการพิจารณาความจำเป็น วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน สิงหาคม พ.ศ.2548 หน้า 65
หน้าที่ 65 / 108

สรุปเนื้อหา

บทความนี้นำเสนอวิธีการพิจารณาในการช่วยเหลือผู้อื่น โดยเน้นที่ความพร้อมของผู้ให้และความจำเป็นของผู้ขอความช่วยเหลือ จะต้องให้ความสำคัญกับสถานการณ์ที่แท้จริง รวมถึงความสัมพันธ์ในอดีตของผู้ขอและผู้ให้ หากเขาเคยช่วยเหลือเราอย่างเต็มกำลังในอดีต ควรตอบแทนความกรุณาของเขาอย่างเต็มที่ ในทางกลับกัน หากผู้ขอความช่วยเหลือมีพฤติกรรมไม่ดี เช่น หมกมุ่นในอบายมุข การให้ความช่วยเหลือควรมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดผลเสีย

หัวข้อประเด็น

-การพิจารณาความช่วยเหลือ
-ความสำคัญของความสัมพันธ์
-การรู้จักบริหารความช่วยเหลือ
-สถานการณ์ที่ควรช่วย
-ผลกระทบต่อผู้ให้และผู้รับ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

๑. ดูความพร้อม หรือดูกำลังของเรา ว่าเรา มีความรู้ มีความสามารถ มีกำลังที่จะให้เขาพึ่งได้ เท่าไร คือ ใครที่ควรช่วยก็ช่วยเถอะ แต่ว่าอย่าให้ เกินกำลังของเรา ข้อนี้ ต้องถือเป็นหลักเอาไว้ให้ดี ๒. ดูความจำเป็นของบุคคลที่มาขอความ ช่วยเหลือ ดูว่าบุคคลที่มาขอความช่วยเหลือจากเรา ไม่ว่าจะเป็นญาติ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนก็ตาม เขามี ความจําเป็นมากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่มีความจำเป็นเท่าไรนัก เขามาเผื่อว่า จะได้เท่านั้นเอง อย่างนี้เลี้ยงข้าวสักมื้อหนึ่ง แล้วให้ ค่ารถกลับบ้านก็พอ แต่ถ้าหากมีความจำเป็นมาก ๆ เช่น ตัว เขาเองป่วยหนัก พ่อแม่ตาย หรือลูกเกิดอุบัติเหตุ อะไรทำนองนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะมาแกล้งทำกัน และไม่ใช่เขาไม่ได้เตรียมพร้อมเอาไว้ เขาอาจจะ เตรียมพร้อม แต่ว่าเป็นเรื่องที่สุดวิสัย ในกรณีอย่างนี้ จะมากจะน้อยต้องช่วยกันให้เต็มที่ เต็มตามกำลัง ของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเขาผู้นั้นเคยมีความ สัมพันธ์อันดีกับเราในอดีต หรือเคยมีพระคุณกับเรา ถึงคราวเราเดือดร้อนเขาเคยช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่ เต็มกำลังมาก่อน เมื่อถึงคราวเขาเดือดร้อนบ้าง เราก็ต้องช่วยเหลือเขาให้เต็มที่เต็มกำลังเหมือนกัน อย่าว่าแต่เขาขอยืมเท่าไรแล้วให้เท่านั้นเลย เนื่องจากเขาเป็นคนดี เขาแสนจะเกรงใจ ที่เขา เอ่ยปากมา เขาก็กระเบียดกระเสียรเต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องให้เป็น ๒ เท่า จากที่เขาขอ เพราะว่าเขาเป็นคนดี และเคยมีพระคุณกับเรามา ก่อน แล้วครั้งนี้เขาก็จำเป็นจริงๆ ในกรณีเช่นนี้ ถ้าเราเป็นประเภทตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัวให้ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังละก็ หลวงพ่อตอบปัญหา พระภาวนาวิริยคุณ ท่านใช้คำว่า “ลูกผู้ชายใจนักเลง” คือ เทช่วยกัน หมดกระเป๋าเลย แต่ในกรณีทั่วไป เขากับเราเพียงแค่รู้จักกัน นิสัยใจคอก็ยังไม่ชัดเจนนัก ก็ให้ดูว่าเขาหมกมุ่น อยู่กับอบายมุขหรือไม่ ถ้าเขาหมกมุ่นอยู่กับอบายมุข ขึ้นเราให้ไป นอกจากไม่เกิดประโยชน์ ต้องสูญเปล่าแล้ว ยังจะ กลายเป็นการส่งเสริมให้คนทำความชั่วอีกด้วย ในกรณีอย่างนี้อย่าให้ ยกตัวอย่าง ดื่มเหล้า เมา กลิ่นฟุ้งมา มาขอยืมเงิน หรือมาขอยืมเงินเพื่อเอาไปเล่นหวย เอาไปแทงม้า อย่างนี้ไม่ต้องให้ เขาจะโกรธก็ ปล่อยให้โกรธไปเถอะ 100 เมื่อถึงคราวจําเป็น เราต้อง เป็นที่พึ่งให้แก่พวกเขาได้ แต่ว่าเขาเป็นคนตั้งใจทำมาหากิน นิสัย ใจคอดูแล้วก็ไม่มีข้อเสียหายอะไร อย่างนี้ ถ้าไม่ มากนัก ให้ไปตามสมควรเถอะ ส่วนในกรณีที่ให้ไปแล้วเขาไม่เอามาคืน หรือเอามาคืนไม่ตรงเวลา ทำให้เกิดความเสียหาย แก่เรา อย่างนี้คงต้องคิดมากสักหน่อย ?
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More