ข้อความต้นฉบับในหน้า
?
หลวงพ่อตอบปัญหา
พระภาวนาวิริยคุณ
ถามว่า พระองค์ทำผิดหรือถูก เพราะในสถานภาพของ
พระองค์นั้น ถ้าทำผิดก็ไม่ได้บุญ แต่ถ้าทำถูกละก็ ได้บุญอย่างเต็มที่
ให้หมดกิเลส จะได้พ้นทุกข์ตามไปด้วย เพราะที่ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เป้าหมายรอง
มนุษย์ทั้งหลายเป็นทุกข์อยู่ขณะนี้ จริงๆ แล้วเกิด
จากกิเลสที่ฝังอยู่ในใจของแต่ละคน
หน้าที่หลัก หรือว่าเป้าหมายหลักที่
พระองค์ทรงตั้งเอาไว้ข้ามภพข้ามชาติมาเป็นอย่างนี้
ส่วนเป้าหมายรอง หรือว่าหน้าที่รอง คือ
หน้าที่แห่งความเป็นพ่อ ซึ่งมีต่อพระโอรสและ
พระธิดาของพระองค์
ในเหตุการณ์นี้จึงมีอยู่ ๒ เรื่องใหญ่ๆ
เพราะฉะนั้นเมื่อพระองค์ตัดสินใจยกพระโอรสและ
พระธิดาให้ชูชกไป ถามว่า พระองค์ทำผิดหรือถูก
เพราะในสถานภาพของพระองค์นั้น ถ้าทำผิดก็
ไม่ได้บุญ แต่ถ้าทำถูกละก็ ได้บุญอย่างเต็มที่
เมื่อเอาหน้าที่สำคัญสูงสุดของพระองค์เป็น
ตัวตั้ง ก็ตอบได้ชัดเจนเลยว่า การที่พระองค์ยก
พระโอรสและพระธิดาให้ชูชกไปนั้น พระองค์ทำ
ถูกแล้ว
เพราะว่าที่พระองค์ต้องไปบำเพ็ญภาวนา
อยู่ในป่าครั้งนี้ ก็ตั้งใจที่จะไปค้นคว้าทางจิต คือ
การทำสมาธิภาวนา เพื่อจะได้บรรลุพระสัมมาสัม
โพธิญาณ
เมื่อเป็นอย่างนี้ การที่ยกพระโอรสและ
พระธิดาให้เป็นทานจึงเป็นการตัดความกังวลออกไป
เพราะว่าให้
ว่าให้ไปครั้งนี้ไม่ได้ให้ไปตาย เมื่อให้ไปแล้ว
พระองค์ก็จะมีเวลาสำหรับทำการสมาธิภาวนา
ค้นคว้าทางจิตได้เต็มที่
เกิดความเสียหาย พระองค์ทรงใช้ปฏิภาณในการ
ป้องกันไม่ให้หน้าที่แห่งความเป็นพ่อของพระองค์
เสียไปคือ
ประการที่ ๑ ทรงตั้งค่าไถ่ตัวพระโอรสและ
พระธิดาเอาไว้แพงลิ่ว ผู้ที่จะมาไถ่ตัวได้ ต้องเป็น
กษัตริย์เท่านั้น พูดง่ายๆ ให้ปู่กับย่าเตรียมไถ่ตัว
เอาไปก็แล้วกัน
ประการที่ ๒ เมื่อเป็นอย่างนี้ ผู้ที่ได้พระโอรส
และพระธิดาของพระองค์ไป อย่างไรเสีย ก็ต้อง
ถนอมทั้งสองพระองค์อย่างดี เพราะเขาก็อยาก
ได้เงินเหมือนกัน
ประการที่
๓ พอกลับไปถึงเมืองหลวง
พระโอรสและพระธิดาก็จะมีความสะดวกสบาย
มากกว่าอยู่กับพระองค์ในป่า
ประการที่ ๔ พระราชบิดา พระราชมารดา
ของพระองค์เอง รวมทั้งพระญาติพระวงศ์ และ
ประชาชนทั้งหลาย ก็จะพากันดีใจ
เพราะฉะนั้น แม้หนทางจะทุรกันดาร แต่ว่า
เมื่อตอนเสด็จมา พระโอรสและพระธิดาก็เดินมา
เหมือนกัน เพียงแต่ว่าตอนนั้น มากับเสด็จพ่อ
เสด็จแม่ แต่ครั้งนี้จะต้องไปกับขอทานเฒ่า
อาจจะลำบากหน่อย และคิดถึงเสด็จพ่อ เสด็จแม่
ต้องร้องไห้กระจองอแงบ้าง ก็ต้องอดทน เพราะ
อย่างไรก็ไม่ถึงตาย
แล้วที่แน่ๆ พระนางมัทรีซึ่งเป็นพระมารดา