ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระประธานองค์นี้ จะเป็นจุดเชื่อมโยงพี่น้องวงบุญที่ยังพลัด
กันอยู่ให้ได้มารวมกัน เพื่อจะได้มาสร้างบุญร่วมกัน มีสายบุญ
เชื่อมโยง ชาติต่อไปก็จะได้ไม่ต้องพลัดพรากจากกัน
พระพุทธเจ้าท่านมีพุทธญาณที่ไม่มี
ขอบเขตจำกัด ท่านไม่ให้เขาแค่มีอิ่มไปดื้อๆ ใน
ชาตินี้เท่านั้น แต่ท่านต้องการรื้อผังจน ทีนี้จะซื้อ
ผังจนได้มันต้องทำเอง ใครล่ะจะไปทำให้ได้ ทำ
เองทำอย่างไร ก็ต้องเอาชนะความตระหนี่ในใจ
ของตัวเองให้ได้ ได้ในขนาดเกิดมหาปีติ พูดคำว่า
ชิตัง เม! เราชนะแล้ว ความตระหนี่ในใจ หลุดร่อน
ไปหมดแล้ว แล้วบริจาคนำทรัพย์ที่เรามีอยู่ออก
ด้วยใจที่ปลื้มปีตินั่นละ ฝั่งจนจึงจะถูกรื้อออกไป
ถามว่า มหาทุคตะที่มีผ้าผืนซอมซ่ออย่างนั้น พระ
สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านต้องการผ้านั้นไหม ไม่ได้
ต้องการเลย ก็ขนาดสมบัติจักรพรรดิท่านยังสละ
แล้วมาบวชอย่างนี้ กับผ้าของมหาทุคตอย่างนี้
ท่านไม่ได้ต้องการเลย
เพราะฉะนั้น การที่เราไปทำหน้าที่
กัลยาณมิตรอย่างนี้เรียกว่า เราไปรบกวนเขาไหม
เป็นสิ่งที่ควรทำหรือไม่ นี่เป็นเรื่องที่สำคัญ
หลักวิชชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศึกษาไว้เถิด
แล้วเราจะเข้าใจ แล้วเราจะมีข้อมูลเอาไปให้กับผู้
ที่เขายังไม่รู้อีกมากมาย ที่เขาทำบุญสงเคราะห์โลก
ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ถูกหลักวิชชา เอาเสื้อ เอาผ้า
เอาอาหาร ไปให้คนจน เขาได้เสื้อ ได้ผ้า ได้อาหาร
แต่ได้แค่นั้น แล้วก็เลิกให้ พอรู้ข่าวทุกข์ที่ก็เอาไป
ให้อีก แต่ยังจนก็ยังมีอยู่
วิธีที่ถูกต้องบอกว่า เธอรู้ไหม เธอจน
เพราะอะไร ที่เธออดอยากยากเข็ญลำเค็ญอย่างนี้
เพราะอะไร ผังจนมันอยู่ในตัวเธอ มันจะดึงดูด
ความจนมาสู่เธอ ไปที่ไหนก็จะดึงดูดแต่ความ
ลำเค็ญมาให้ เธอต้องรื้อผังจน ด้วยการนำออก
ด้วยการบริจาคอย่างถูกหลักวิชชา เธอเอาไปให้ซะ
เธอเอาเรี่ยวเอาแรงที่เธอยังพอมีอยู่ไปหาทรัพย์มา
ให้ได้ด้วยกำลังแรงของเธอ หรือกำลังสติปัญญา
ของเธอเท่าที่เธอมี ไปทำมาซะ อย่าไปคำนึงถึงว่า
เราได้มาเท่าไร แต่ได้มาแล้วให้เอามาทำด้วย
ความปลื้มใจ เพราะทรัพย์ก้อนนี้หมายถึงชีวิต
ของเธอ ก็ผ้าผืนเดียวสละออกไป แต่ผืนนั้นคือ
ชีวิตของมหาทุคตะ แต่ตั้งจนถูกรื้อออกไปเลย
เพราะเอาชนะได้ขาดลอย นั่นก็ชีวิตลำเค็ญ
ทรัพย์นี่กว่าจะได้มาก็เลือดตาแทบกระเด็น แต่ว่า
สละออกไปด้วยความปีติ นั่นละฝั่งจนไม่มีเหลือ
ถ้าจนขนาดไหนก็ไม่เหลือ นี่ก็เป็นเรื่องราวที่เรา
จำเป็นจะต้องศึกษาไว้
อยู่ ) ๔๖
อยู่ใน