ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลวงพ่อตอบปัญหา 2
นี่เป็นความคิดของคนที่ใจใหญ่ เป็นความคิดของคนที่มุ่งจะบรรลุ
พระสัมมาสัมโพธิญาณ เพื่อจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ต่อไป ข้างหน้า
ก็คงจะเสียอกเสียใจไม่น้อย แต่ว่าก็ไม่ถึงตายอีก โอรสและพระธิดากลับบ้านกลับเมือง โดยยืมมือ
เช่นกัน เมื่อไม่ถึงกับตายกันอย่างนี้ แล้วยังมีทาง
ก้าวหน้า มีทางลดภาระ จึงทรงยกให้เขาไป
นี่เป็นความคิดของคนที่ใจใหญ่ เป็นความ
คิดของคนที่มุ่งจะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ
เพื่อจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ต่อไปข้างหน้า เขาคิดกัน
อย่างนี้เอง
อุปมาเหมือนทหารกับประชาชน ย่อมคิด
ไม่เหมือนกัน เช่น ในภาวะสงคราม ประชาชน
อย่างไรก็ห่วงลูกห่วงหลาน อุ้มลูกจูงหลานกัน
กระจองอแง ไม่ยอมทิ้งลูกหลานให้ห่างตัว นั่นคือ
ความรักของพ่อแม่ทั่วไป
ทหารก็มีลูกเหมือนกัน แต่ว่าเมื่อเป็นหน้าที่
แม้ลูกและภรรยาจะร้องไห้อย่างไร ทหารก็ต้อง
ออกไปรบ ออกไปรบทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้
กลับมาอีกหรือไม่
เพราะถ้าบ้านเมืองแพ้สงครามก็ต้องตาย
กันทั้งหมด หากออกไปรบแล้วชนะ ยังมีสิทธิ์ได้
กลับมา หรือแม้จะตายในสงคราม แต่ว่าโดยรวม
แล้วประเทศชาติชนะ ลูกกับภรรยาที่อยู่ข้างหลัง
ก็ยังรอดอยู่ดี
ทหารทิ้งลูก ทิ้งภรรยา ออกไปรบ ยังไม่มี
ใครว่าเลย กลับชมเสียอีก ว่าทหารทำถูก ทหาร
เสียสละ
เช่นเดียวกัน พระเวสสันดรก็กำลังทำสงคราม
กำลังสู้รบกับกิเลสอยู่ในป่า จึงทรงตัดใจส่งพระ
ขอทานเฒ่าชูชก
ตรงนี้นี่เองคือสิ่งที่หลวงพ่ออยากจะเตือน
เอาไว้ ว่าอย่าเที่ยวเอาตัวของเราไปเปรียบเทียบ
กับคนอื่น เนื่องจากเราอยู่กันคนละสถานภาพ
เพราะฉะนั้น ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า
พระเวสสันดรท่านทำถูกต้องแล้ว ทำถูกในฐานะ
ของผู้มุ่งที่จะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ เพื่อที่
จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ต่อไปข้างหน้า
แต่ว่าอย่านำมาเปรียบเทียบกับพวกเรา
ซึ่งงานการอะไรที่จะรับผิดชอบทางโลกก็มีไม่เท่าไร
ขี้เกียจเลี้ยงลูก เลยถือโอกาสยกลูกให้คนนั้นคนนี้ไป
เพื่อจะเอาบุญ อย่างนี้ทำผิดแน่นอน เพราะเป็น
คนละเรื่องกัน ห้ามนำมาปนกันอย่างเด็ดขาด
อยู่ ) ๕๕