ข้อความต้นฉบับในหน้า
เหมือนอย่างกับคนอื่นๆ แล้วพระโพธิสัตว์ประสูติ
โดยเอาพระบาทออกมาก่อน ประดุจพระธรรมกถึก
หย่อนขาขวาลงจากธรรมาสน์ ทันทีที่พระบาท
เหยียบถึงพื้น ก็สามารถยืนและเดินได้เลยทันที
นับเป็นอัศจรรย์ที่บังเกิดขึ้นได้ยาก
เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติและยืนได้ถนัดแล้ว
ทรงเปล่งอาสภวาจาที่ทรงยืนยันถึงวัตถุประสงค์ใน
การเกิดอย่างชัดเจนว่า “เราเป็นผู้เลิศ ผู้เจริญ ผู้
ประเสริฐที่สุดในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้
ภพใหม่ย่อมไม่มีแก่เราอีกแล้ว” ขณะที่พระโพธิสัตว์
กำลังประสูตินั้น ได้บังเกิดความสว่างไสวขึ้นในโลก
และไกลไปถึงหมื่นโลกธาตุ บุพนิมิต ๓๒ ประการ
ปรากฏขึ้นแล้ว ในหมื่นจักรวาลได้มีแสงสว่างสุด
จะประมาณแผ่ซ่านไป พวกคนตาบอดต่างก็มอง
เห็นได้ พวกคนหูหนวกก็ได้ยินเสียง พวกคนใบ้ก็
พูดจาได้ พวกคนค่อมก็มีตัวตรงขึ้น คนง่อยเปลี้ย
เสียขาก็เดินด้วยเท้าได้ สัตว์ทั้งปวงที่ถูกจองจำก็
พ้นจากเครื่องพันธนาการ ไฟในนรกทุกแห่งก็ดับ
ในเปรตวิสัยความหิวกระหายก็สงบระงับ เหล่า
สัตว์เดียรัจฉานก็ไม่มีความกลัวภัย โรคและไฟกิเลส
มีราคะเป็นต้นของสัตว์ทั้งปวงก็สงบระงับ... นี่ก็นับ
เป็นความมหัศจรรย์ที่บังเกิดขึ้นได้ยากในโลกแท้!!!
วันตรัสรู้
ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน 5 ธรรมกาย
อันสว่างไสวภายในได้อุบัติขึ้น ณ ศูนย์กลางกาย
ของพระจอมมุนีนาถ หลังจากได้บำเพ็ญเพียรมา
ยาวนานถึง 5 ปี ภายใต้ต้นอัสสัตถพฤกษ์ ใน
วันนั้น พระบรมโพธิสัตว์ได้ทรงนั่งคือปราชิตบัลลังก์
ซึ่งแม้สายฟ้าจะผ่าลงตั้ง ๑๐๐ ครั้งก็ไม่แตกทำลาย
๒๐