ข้อความต้นฉบับในหน้า
และเกิดขึ้นเพราะว่า เรารำลึกถึงพระคุณของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ยิ่งกว่านั้นในขณะที่กำลังสวดมนต์ใจก็เป็น
สมาธิ แต่เป็นสมาธิในระดับตื้น ไม่ได้เป็นสมาธิใน
ระดับลึกเท่าไร แต่ว่าก็ให้คุณประโยชน์กับใจของเรา
ได้ในระดับหนึ่ง คือให้ความชุ่มชื่นใจ ให้ความ
เบิกบานใจ แล้วก็ได้ความปลื้มปีติที่ว่าเราได้ทบทวน
คำสอนธรรมะของสมเด็จพ่อของเรา
ด้วยเหตุที่การสวดมนต์สามารถนำความ
ปลื้มปีติใจ นำสมาธิมาให้ในระดับตื้น ท่านจึงได้
อุปมาว่าการสวดมนต์เหมือนอย่างกับยาทา ซึ่งยา
ทาชนิดนี้ ไม่ใช่ยาทาแบบยาหม่องธรรมดาๆ แต่
ว่าทาแล้วทะลุถึงใจเลยทีเดียว
ส่วนคำว่า “ภาวนา” หมายถึง การทำสมาธิ
อย่างต่อเนื่อง ชนิดนั่งสมาธิกันเป็นชั่วโมง เป็นวัน
หรือบางทีทำต่อเนื่องเป็นเดือน เป็นปีกันทีเดียว
หรือเอาเป็นว่าสำหรับนักทำสมาธิโดยทั่ว ๆ
ไปแบบชาวโลก ทำสมาธิกันแต่ละครั้งก็ประมาณ
๑ ชั่วโมง หรือว่า ๔๕ นาที เป็นอย่างน้อย ใจก็
ดื่มหยุดนิ่งลงไปที่ศูนย์กลางกายภายในตัว
การที่ใจหยุดนิ่งลงไปอย่างนั้น เพราะว่า
ขณะที่ทำสมาธิเราหลับตา จึงไม่มีภาพอะไรมา
รบกวนนัยน์ตา แล้วใจก็รวมอยู่ที่ศูนย์กลางกาย เมื่อ
เป็นอย่างนี้ใจจึงหยุดนิ่งได้สนิทกว่าการสวดมนต์
เมื่อใจหยุดใจนิ่งได้สนิทกว่าการสวดมนต์
ความชุ่มชื่นที่เกิดภายในก็ตาม ความสว่างที่เกิด
ภายในก็ตาม ย่อมมีมากกว่าการที่สวดมนต์
ยิ่งกว่านั้น ถ้าทำได้ถูกส่วนจริงๆ การเห็น
ธรรมะที่ลึกซึ้ง ก็มีโอกาสเป็นไปได้ในขณะที่ทำ
ภาวนานี่เอง ปู่ย่าตาทวดของเราจึงได้อุปมาการทำ
ภาวนาอย่างจริงจัง อย่างต่อเนื่องนี้ว่าเหมือนอย่าง
กับยากิน คือ สามารถแก้ไข้ แก้ปวดได้มากกว่า
ยาทา
แต่อย่างไรก็ตาม เราอย่าไปคิดเปรียบ
หลวงพ่อตอบปัญหา
พระภาวนาวิริยคุณ
Answer
the
Question
ว่าอะไรดีกว่าอะไรเลย เพราะว่าคำสอนของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่เราจะต้องท่อง เมื่อ
ท่องแล้วก็นำมาตรอง นำมาใช้เป็นหลักในการทำ
ภาวนา
เมื่อการสวดก็มีความจำเป็น เนื่องจากเป็น
ยาทาประเภทที่ทาแล้วเข้าไปถึงใจ ส่วนการทำ
สมาธิก็ยิ่งจำเป็นมากขึ้น เพราะฉะนั้น ทั้ง ๒ อย่างนี้
ต้องทำควบคู่ไปด้วยกัน
ตามวัดวาอารามต่างๆ พระท่านตื่นกันตั้งแต่
ตี ๔ เพื่อลุกขึ้นมาสวดมนต์ ทบทวนคำสอนของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สวดมนต์กันเป็นชั่วโมงทีเดียว
เสร็จแล้วท่านก็ทำสมาธิของท่านต่อ
เมื่อรู้ เมื่อเห็น เมื่อทราบประโยชน์กันอย่าง
นี้แล้ว ก็ขอให้พวกเรา แม้อยู่ที่บ้านอย่างน้อยก็ต้อง
สวดมนต์ก่อนนอน แล้วถ้าตอนเช้าก่อนไปทำงาน
ได้สวดอีกสักรอบหนึ่งก็ยิ่งดี
และที่ขาดไม่ได้คือต้องทำสมาธิ เพื่อใจจะ
ได้ใสเต็มที่ เพราะถ้าคืนนี้เรานอนหลับไปแล้ว ไม่
ได้ตื่นขึ้นมาอีก ก็จะได้ละโลกไปด้วยใจใสๆ ซึ่ง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกันว่า ผู้ที่ละโลกไป
ขณะใจใสย่อมมีสวรรค์หรือสุคติเป็นที่ไป
แต่ว่าถ้าหลับไปแล้ว เช้าก็ยังได้ตื่นขึ้นมา
ดูดวงอาทิตย์อีก ก็จะตื่นขึ้นมาด้วยใจใสๆ พร้อมกับ
ความคิดที่สร้างสรรค์ จิตใจที่เบิกบาน เมื่อเป็น
อย่างนี้อนาคตของเราย่อมดีแน่ๆ เลย
เพราะฉะนั้น ต้องทั้งสวดมนต์ ทั้งภาวนา
ควบคู่กันไป อย่าได้ขาดแม้สักวันที่เดียว
៤៩