ข้อความต้นฉบับในหน้า
66
แม้เลือดและเนื้อในกาย
จักแห้งเหือดเหลือแต่หนัง
เอ็น กระดูกก็ตาม
ตราบใดที่เรายังไม่บรรลุ
พระสัมมาสัมโพธิญาณ
ได้รู้ได้เห็นธรรมอันยิ่งแล้ว
จักไม่ยอมลุกจากบัลลังก์นี้เป็นอันขาด
จักนั่งอบรมกาย วาจา ใจ
ให้ละเอียด ถึงที่สุดให้ได้
99
โดยทรงอธิษฐาน “แม้เลือดและเนื้อในกายจักแห้ง
เดือดเหลือแต่หนัง เอ็น กระดูกก็ตาม ตราบใดที่
เรายังไม่บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ได้รู้ ได้เห็น
ธรรมอันยิ่งแล้ว จักไม่ยอมลุกจากบัลลังก์นี้เป็น
อันขาด จักนั่งอบรมกาย วาจา ใจ ให้ละเอียดถึง
ที่สุดให้ได้” พระมหาบุรุษทรงพิจารณาปัจจยาการ
อันประกอบด้วยองค์ ๑๒ โดยอนุโลมและปฏิโลม
หมื่นโลกธาตุหวั่นไหว ๑๒ ครั้ง จนจรดน้ำรอง
แผ่นดินเป็นที่สุด และพระมหาบุรุษได้ทรงบรรลุ
สัพพัญญุตญาณ ในเวลาอรุณขึ้น....
....และเมื่อพระมหาบุรุษทรงบรรลุพระ
สัพพัญญุตญาณแล้ว โลกันตนรกกว้าง ๕๐๐
โยชน์ในระหว่างจักรวาลทั้งหลาย ไม่เคยสว่างด้วย
แสงพระอาทิตย์ ๓ ดวง ก็ได้มีแสงสว่างไสวเป็น
อันเดียวกัน มหาสมุทรลึก
๘๔,๐๐๐ โยชน์ ได้กลาย
เป็นน้ำหวาน แม่น้ำทั้งหลายหยุดไหล คนตาบอด
แต่กำเนิดก็มองเห็นรูป คนหูหนวกแต่กำเนิดก็
กลับได้ยินเสียง คนง่อยเปลี้ยแต่กำเนิดก็เดินได้
กรรมกรณ์ทั้งหลายมีเครื่องจองจำเป็นต้น ได้ขาด
หลุดไป!! พระมหาบุรุษได้รับการบูชาจากเหล่า
ทวยเทพด้วยสมบัติอันประกอบด้วยสิริหาปริมาณ
มิได้ ทรงเปล่งอุทานว่า
“เราเมื่อแสวงหานายช่างคือตัณหา ผู้กระทำ
เรือน เมื่อไม่ประสบ ได้ท่องเที่ยวไปยังสงสารมิใช่
น้อย การเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ ดูก่อนนายช่างผู้
กระทำเรือน เราเห็นท่านแล้ว ท่านจักทำเรือนไม่
ได้อีกต่อไป ซี่โครงทั้งปวงของท่านเราหักแล้ว
ยอดเรือนเราก๋าจัดแล้ว จิตของเราถึงวิสังขาร คือ
นิพพานแล้ว เราได้ถึงความสิ้นตัณหาแล้ว”
เมื่อตรัสรู้แล้ว ก็ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ
เปี่ยมล้น อบรมพร่ำสอนชาวโลกให้ได้รู้และเห็น
ธรรมตามไปด้วย ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ๔๕
พรรษา พระพุทธองค์ต้องทรงดำเนินด้วยพระบาท
เปล่า เสด็จจาริกไปเผยแผ่พระศาสนาตามดินแดน
ต่างๆ อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่ง
สรรพสัตว์ได้บรรลุธรรมาภิสมัยเป็นอริยบุคคล
มากมายนับไม่ถ้วน จากนั้นเสด็จดับขันธปรินิพพาน
เมื่อทรงมีพระชนมายุได้
วันปรินิพพาน
๘๐ พรรษา
วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน 5 ก่อนพุทธศักราช
ปี ณ ป่าสาลวัน เมืองกุสินารา วันนี้... เป็นวัน
ที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพาน รูปกายที่
ประกอบด้วยเลือดเนื้อแตกดับลง คงเหลือแต่
พระธรรมกายเสด็จสู่พระนิพพาน ก่อนจะเสด็จดับ
ขันธ์นั้น ยังทรงมีมหากรุณาประทานปัจฉิมโอวาท
แก่พุทธบริษัทว่า “สังขารร่างกายของเราไม่เที่ยง
มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความ
ไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด”
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวการประสูติ ตรัสรู้