ข้อความต้นฉบับในหน้า
มีใครสักคนกล้าคิดกล้าทำได้แบบนี้ แล้วอีกอย่าง
วัดนี้เป็นวัดที่เน้นการปฏิบัติธรรมมากๆ คือมีการ
สอนสมาธิทั้งเช้า-บ่าย ซึ่งในช่วง ๑๐ ปีแรกของ
การมาวัด จะมาเฉพาะวันอาทิตย์ต้นเดือนเท่านั้น
แต่ในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้ฟังโอวาทจากพระเดช
พระคุณหลวงพ่อท่านบอกให้มาวัดทุกวันอาทิตย์
ทำให้ต้องมาวัดทุกอาทิตย์นับจากนั้น ซึ่งทีแรกก็
คิดเหมือนกัน ว่าหากเรามาวัดทุกวันอาทิตย์ เกรง
ว่าคงจะเสียลูกค้าไปบ้าง เพราะวันอาทิตย์เป็นวัน
ที่ทำรายได้ดี แต่ก็แปลกค่ะ พอได้ตัดสินใจมาวัด
ทุกอาทิตย์ รายได้ของเรากลับเข้ามามากขึ้นในวัน
อื่นแทน แม้ในช่วง IMF ที่เศรษฐกิจทรุดตัวหนักๆ
จากที่เมื่อก่อนเคยขายได้เป็นล้านๆ ทำให้ขายได้
เพียงไม่กี่แสน แต่พอหักลบกลบหนี้แล้วรายได้
กลับไม่ตกเลยจนต้องย้อนมาดูว่าได้เกิดอะไร
ขึ้นหรือ พอมาตรวจสอบดูจึงมารู้ว่า เป็นโชคดี
ของเราที่ลูกค้าเลือกซื้อแต่สินค้าที่ทำกำไรให้เรา
สูงๆ แทน และการมาวัดก็ไม่ได้ทำให้เฉพาะเรื่อง
รายได้ที่ดีขึ้นเท่านั้น ยังทำให้ชีวิตด้านอื่นของเราก็
ดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน จึงทำให้มั่นใจในบุญมากขึ้น
และในปัจจุบันก็มาวัดวันทุกอาทิตย์อย่างนี้เป็น
เวลาติดต่อกันกว่า 4 ปีแล้ว”
มาวัดทุกอาทิตย์ในกรณีที่บ้านอยู่ใกล้ๆ ยังไม่ใช่เรื่อง
แปลก แต่บ้านเธออยู่ตั้งไกลนะสิ!!
“บ้านอยู่ที่จังหวัดลำพูน แต่พอถึงวันอาทิตย์
ก็รีบตื่น ออกจากบ้านตี ๕ กว่า นั่งรถมาจังหวัด
เชียงใหม่ มาขึ้นเครื่องบินให้ทัน เที่ยวบิน ๗ โมง
เช้า มาถึงดอนเมืองก็ 6 โมง จากนั้นก็นั่งแท็กซี่
ต่อมาถึงวัดเกือบ 4 โมง มาปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ
ทั้งเช้า-บ่าย ทำบุญฟังเทศน์จนเสร็จ ก็ออกจากวัด
ไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง เที่ยวบิน ๑ ทุ่ม คือจะ
ลงตัวแบบนี้แทบทุกอาทิตย์ ที่ทำแบบนี้หลายคน
อาจจะดูว่าเราโอเว่อร์ไปรึเปล่า ซึ่งจะคิดอย่างนั้น
ก็ได้ แต่เพราะเราโอเว่อร์แบบนี้ เลยทำให้ชีวิตดีขึ้น
และมีชีวิตที่มีแต่สาระเท่านั้น”
แล้ว...เสียดายเงินค่าเครื่องบินไหม?
"ไม่เสียดายค่ะ ไม่ใช่เพราะมีเงินเหลือเฟือ
แต่เป็นเพราะถ้าเราไม่มาวัด ไม่มาทำบุญ เราอาจ
จะมีเหตุร้ายๆ ที่ทำให้ต้องสูญเสียเงินมากกว่าค่า
เครื่องบินอีกหลายเท่านัก เพราะเงินมีทางมา ก็
ต้องมีทางไป ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้เงินไป
ทางไหน และการที่ทุ่มเทมาวัดถึงขนาดนี้ ก็เพื่อ
ทำให้ตัวเรามีบุญมากพอที่จะรองรับสมบัติที่จะ
៦៨