ข้อความต้นฉบับในหน้า
๔) สัมมาสมาธิ คือ รักษาใจให้มั่นคงไม่
หวั่นไหว ณ ศูนย์กลางกายภายในตัวอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเราปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ได้เต็มที่เมื่อไหร่
เมื่อนั้นเราย่อมเห็นธรรมที่อยู่ในตัว ถ้าไม่ปฏิบัติ
มรรคมีองค์ ให้เต็มที่ ทำอย่างไรก็ไม่มีทางเห็น
ธรรมะในตัว
3
มรรคมีองค์ ๘ นี้ ต้องทำให้ได้สัดได้ส่วน
ไม่ใช่ทำทีละส่วน แต่ต้องทำพร้อมกันไป ๔ อย่าง
จนกระทั่งกลายเป็นนิสัยประจำตัว
การปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ อุปมาเหมือนน้ำพริก
ถึงแม้ว่ามีส่วนประกอบครบถ้วน คือ กระเทียม
หัวหอม กะปิ พริก เกลือ น้ำปลา น้ำตาล มะนาว
แต่ถ้าใส่ครกไปแล้ว ยังไม่โขลกรวมกันให้เป็นเนื้อ
เดียว นั่นก็ยังไม่เป็นน้ำพริก แต่เมื่อไหร่ ตำให้แหลก
และส่วนประกอบได้สัดส่วนเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อ
นั้นจึงเป็นน้ำพริก
เรานั่งสมาธิมาตลอดหนึ่งพรรษาเวลาที่ใจนิ่ง
ใจก็เริ่มโปร่ง เริ่มเบา ความสว่างก็เริ่มตามมา
ความชุ่มอกชุ่มใจก็เริ่มมา แสดงว่ามรรคมีองค์ ๘
ที่เราตั้งใจปฏิบัติมาทั้ง ๔ อย่าง เริ่มได้สัดส่วนแล้ว
และถ้ามรรคมีองค์ ๘ ของเราได้สัดส่วน
อย่างต่อเนื่องแล้ว ในขั้นต้น เวลาที่ใจนิ่ง ใจก็เริ่ม
โปร่ง เบา สบาย แล้วความสว่างก็เกิดขึ้นตามมา
เมื่อความสว่างเกิดขึ้นแล้ว เราก็ได้อาศัยความ
สว่างนั้นไปเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในใจ บางคนก็
เห็นดวงปฐมมรรค บางคนก็เห็นพระธรรมกาย ซึ่ง
สิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจเหล่านั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงเรียกว่า “ธรรม
ใครทำสมาธิหยุดนิ่งได้มากเท่าไหร่ ก็เห็น
ธรรมที่ซ้อนอยู่ข้างในที่ละเอียดไปตามลำดับเท่านั้น
เพราะฉะนั้น ในพรรษานี้ พวกเราหลายๆ
คนที่ทำภาวนาแล้ว ปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ได้ถูกส่วน
ก็ได้ไปเห็นด้วยตัวเองแล้วว่า องค์ประกอบของคนเรา
นั้น มี ๓ ส่วน คือ กาย ใจ และธรรม
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการ
ปฏิบัติธรรม หลวงพ่อก็อยากให้พวกเราไปเปิด
พระไตรปิฎกอ่านพระสูตรหนึ่งชื่อ สติปัฏฐานสูตร
เป็นพระสูตรที่ว่าด้วยการเห็นธรรมะภายในไปตาม
ล่าดับ
๓๔