ข้อความต้นฉบับในหน้า
ท่านโกสินทร์มากราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยตั้งแต่สมัยที่ท่านเป็น
นายอำาเภอ
เลย เจอแต่เสื่อ และก็กระเบื้องที่เอาไว้ซ่อมโบสถ์
และเครื่องอัฐบริขาร จากนั้นผมเลยถามเขาต่อว่า
พระที่นี่พักกันที่ไหน จำวัดกันอย่างไร เพราะร่ำลือ
กันว่า พระที่นี่กินอยู่สบาย กินข้าวร้อน นอนตื่นสาย
ติดแอร์นอน ซึ่งพอเขาพาไปดู ก็เป็นเพียงกุฏิ
หลังคามุงด้วยใบจาก เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เจอกลด
เอาไว้นั่งสมาธิ และเอาไว้จำวัดกันในนั้นเลย พอ
เห็นประจักษ์อย่างนี้ ผมก็เลยทักขึ้นว่า พระจำวัด
กันอย่างนี้หรือ ทำไมไม่เห็นมีอะไรเลย คือไม่เห็น
เหมือนกับข่าวลือที่เขาบอก และเมื่อผมดูอะไร
ทุกอย่างเสร็จ จนหายสงสัยแล้ว ผมจึงเข้าไปพบ
หลวงพ่อทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย....
จากเดิมทีเดียววัดมีเนื้อที่ ๑๙๖ ไร่ ต่อมามี
คนเข้าวัดจนล้น จึงมีความจำเป็นต้องขยายพื้นที่
เพราะคนมามาก จะไปห้ามไม่ให้เขามา หรือเขา
มาแล้วจะไปไล่เขาไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่พระจะไปทำ
อย่างนั้น ดังนั้นจึงทำการขอซื้อที่ดินกึ่งบริจาคจาก
เจ้าของที่ โดยสาธุชนที่มาวัดกันในสมัยนั้น ก็
เห็นพ้องต้องกัน ยินดีช่วยกันบริจาคเงินด้วยจิต
ศรัทธา เชิญชวนญาติพี่น้องให้เข้ามาช่วยขยาย
พื้นที่จำนวน ๒,๐๐๐ ไร่
“ ซึ่งหลังจากมีการซื้อที่ดินแล้ว วัดถูกมอง
ว่าเป็นวัดรวย คนรอบข้างวัด ก็คิดหาประโยชน์
จากการขยายพื้นที่ทันที โดยมีนายใหญ่สมคบกับ
นายบานเย็น นักก่อม็อบ โวยวายหาว่าวัดรังแก
ชาวบ้าน วัดขับไล่ชาวบ้านอย่างไม่เป็นธรรม
หนำซ้ำยังเรียกหนังสือพิมพ์ไปทำข่าว ว่าจะ
กระโดดตึกห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แถวปิ่นเกล้า
กทม. เพราะทนวัดรังแกไม่ไหว จนเป็นข่าวพาดหัว
หนังสือพิมพ์อยู่หลายวัน ตามด้วยข่าววัดสะสม
อาวุธสงคราม ซึ่งตอนนั้นคนก็เชื่อกันเหลือเกิน.....
ในฐานะที่ผมเป็นนายอำเภอของที่นี่ ก็เข้า
มาศึกษาข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่แรก มาอ่านคำร้อง
ของชาวนา มาดูในเรื่องกฎหมายการเช่า พบว่า
หลังจากมีการซื้อที่ดินแล้ว ชาวนาที่เคยเช่าที่ดิน
กับเจ้าของเดิมไม่ยอมออก ซึ่งคณะกรรมการ
อยู่ใน ๖) ๕๘