ข้อความต้นฉบับในหน้า
นับภาพบัณฑิตไม่ถ้วนที่ผ่านมา..มนุษย์ทุกคนต่างก็เวียนว่ายตายเกิดกันมานานแสนาน และจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกจนกว่าจะหมดกิเลสเป็นพระอรรถ์ ในระหว่างนั้นชีวิตก็มีขึ้นมีลง ปราศจากความแน่นอน ตายแล้วไปเกิดเป็นเทวาบ้าง เป็นสัตว์นานาชนิดบ้าง เป็นมนุษย์ที่ยากจนบ้างรวยบ้าง เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่มจะมีทุกข์มากกว่าสุข การที่เราต้องมีชีวิตขึ้น-ลง ๆ สุขบ้างทุกข์บ้างนั้นไม่ใช่ความบังเอิญ ทุกอย่างล้วนมีเหตุ มีผล มาจากการกระทำของเราทั้งในอดีตและในปัจจุบันชาติ ถ้าทำดี ก็จะได้รับผลดีทำชั่ว ก็จะได้รับผลชั่วตามกฏแห่งเหตุผล หรือกฏแห่งกรรม ซึ่งเป็นกฏที่มีอิทธิพลเหนือชีวิตมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย กฏแห่งกรรมเป็นกฏของลังกาสวัตต์ ที่มีหลักว่า "บุคคลทำสิ่งใด ย่อมได้รับสิ่งนั้น" ดังข้อความในสมุทธทุกสูตรที่ว่า "บุคคลหว่านพีชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น คนทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว" กฏแห่งกรรมไม่ใช่กฏที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ทรงสร้างขึ้นไม่ว่าใครจะนับถือศาสนาใด มีเชื้อชาติอะไร จะรู้จัก หรือไม่รู้จัก จะเชื่อ หรือไม่เชื่อก็ตาม ล้วนตกอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรมทั้งสิ้น เมื่อเราสามารถจับหลักกฏแห่งกรรมได้ เราก็สามารถที่จะเอาหลักการนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการออกแบบชีวิตได้ว่าเราควรทำ หรือไม่ทำสิ่งใด ซึ่งในที่นี้จะแกตัวอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ตรัสไว้ใน จุดนี้มวังคุสูตร มาแสดงเพื่อความชัดเจนขึ้นในเรื่องผลของกรรม