วิบากกรรมแห่งความตระหนี่และความจน ชีวิตออกแบบได้ หน้า 25
หน้าที่ 25 / 69

สรุปเนื้อหา

เนื้อหามุ่งเน้นไปที่ผลของความตระหนี่ในอดีตที่ส่งผลต่อชีวิตในปัจจุบัน ผ่านตัวอย่างและประสบการณ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและอานนทเศรษฐี ซึ่งเผยให้เห็นถึงความสำคัญของการให้และการแบ่งปันทรัพย์สิน การดำเนินชีวิตด้วยความตระหนี่จะนำไปสู่ผลกรรมที่ทำให้ทุกข์ในชาติต่อๆ ไป ขอบเขตของการสละทรัพย์สินถือเป็นบทเรียนสำคัญในการใช้ชีวิต.

หัวข้อประเด็น

-วิบากกรรม
-ความตระหนี่
-การทำทาน
-ชีวิตและความจน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

กระบวนเดียว ชาวบ้านก็อมเห็นว่ามีข้าวเต็มมาตร ต่อมา ท่านบำเพ็ญเพียรจนบรรลุผล ในวัน ปริมินพาน พระสารัชฏรพาท่านไปบิณฑบาต แต่ไม่ได้อะไรเลย แม้แต่คนยกมือไหว้ก็ไม่มี พระสารัชฏรจึงไปบิณฑบาตมาให้ และช่วยเก็บบาตรเอาไว้ขณะท่านฉัน เพระเกรงว่าถ้าปล่อย บาตรจากมือ ในบาตรจะไม่มีอะไรเหลืออยู่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ถึงบุพกรรมของท่านว่า ใน อดีตท่านเคยเป็นภิญเจ้าอาวาส มีชาวบ้านฝากตาตราหาร ใส่บาตรมาให้พระอคันตะซึ่งเป็นพระอรหันต์ แต่ท่านเอา บาตตาหารไปเทใส่ถุงไฟ (มก. ๕๖/๑) ท่านทำลายบาตตาหารของพระอรหันต์ และทำลายการ ทำทานของชาวบ้าน ด้วยความอิจฉาและความตระหนี่ หวง แม้กระทั่งของที่ไม่ใช่ของตัวเอง จึงต้องไปรับบรรกรรมในรกร หลายแสนปี จากนั้นไปเกิดเป็นกัณฑ์และสุขหลายร้อยชาติม แต่ละชาติได้กินอิ่มก่อนตายเพียงมือเดียว ๒. คนอยากจน หมายถึง คนที่ดำเนินชีวิตด้วยความ ประมาณ ตระหนี่หวงแหนทรัพย์ ไม่ได้สังคมทานกุศล แม่ทรัพย์ มากไม่ออมให้ทาน เพราะกลัวทรัพย์จะหมดไป วิบากรรม แห่งความตระหนี่จะทำให้ต้องไปเป็นคนยากจน จึงเรียกว่า คน อยากจน ดังตัวอย่างเรื่องของอานนทเศรษฐี ดังนี้ อานนทเศรษฐีมีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ เป็นคนตระหนี่ และ สนบุตรชื่อมูลสิริให้ตระหนี่ด้วย เมื่อเศรษฐีตายไป วิบากรรมตระหนี่จะทำให้ใจหม่นหมอง จึงไปบังเกิดเป็นลูก
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หน้าหนังสือทั้งหมด

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More