ข้อความต้นฉบับในหน้า
เจ็บเดี๋ยว แค่ตัวช่างสะบัดๆ พอปฏิบัติธรรมเรื่อยๆ ก็เห็นเดชวงแสงแก้ไขแสงได้บ้าง ซึ่งเวลาถามฟังหลวงพ่ออ่านผลการปฏิบัติธรรมของพระธรรมหายา ศูนย์อื่น ฟังไปก็จะตรองดูว่าแต่ละขั้นแต่ละตอน ท่านทำกันอย่างไร ความเข้าใจบ้างก็อ่อนๆ แตกแขนออกไป พอมานั่งตามอย่างไปเรื่อยๆ สมาธิก็ดีขึ้น โดยเวลานั่งอาตมาอาจจะหายใจลึกๆ ยาวๆ ก่อน แล้วก็จิตสงบจับของพระประธานที่อยู่ บนแท่นพระ เอาท่านมาใช้ในจิตที่ศูนย์กลางกาย แล้วก็อธิบายมาว่าในจิตที่ศูนย์กลางกายแล้วก็ล่อง ไปเรื่อยๆ พร้อมกับความกล้า 'สัมมา อะระหัง' ไปด้วย ลักษณะความรู้สึกว่าจิตมันวนมาก ว่างเหมือนตัวเราไม่มีน้ำหนัก แล้วก็คล้ายๆ จะตกอะไรสักอย่างที่ส่งๆ ลงไป ใจมันก็วัดใจ ว่าตอนนั้นไม่เจ็บไม่ปวด เหมือนทุกอย่างมันลอยๆ นุ่มนิ่ม
"พอImag่วงนรู้สึกว่ามีดีจริงๆ จากภาพ เห็นว่าวัดพระที่ตั้งแต่แรกมีลักษณะผิด ไปจากเดิม คือทรงดูแลแบบโปร่งใส มีความสงบ โดด ๆ มีฤดูเหลือ อยู่ในเสียดด้วย แล้วท่านก็ใหญ่ขนาดถ้าบดินด้วยมือเดียวก็จะเต็มฝ่ามือ พอเอาจิตไปวางตรงนี้บ่อยๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง จิตมันก็นิ่งขึ้นไปอีก ต่อมาจึงลองค่อยๆ นึกให้ทานขยายว้างออก ท่านก็ขยายได้ ขยายจนรอบนอก ของท่านเข้ามาอาสมภาพของอาตมาไว้
ตอนนั้นไม่ไดด้คออะไรเลย รู้แต่ว่าตัวเรากำลังกำลังสมาธิ องค์พระก็กล้างนั่งสมาธิ นั่งอยู่แบบเดียว สมองกว้างเปล่า จิตใจว่างเปล่า เย็นๆ อยู่ข้างใน ใจที่มีมั่นตลอด เวลาที่เริ่มปฏิบัติธรรม เราต้องเริ่มต้นอย่างง่ายๆ คายๆ คือ ลืมตนเองฯ เอาใจวาวิ่งๆ ที่อู่กลางๆ จวนนี้ๆ เราๆ โดยไม่ต้องคิดหรือคาดหวังอะไรทั้งสิ้น เมื่อจิตปรากฏจากการคาดหวัง ความสมหวังจะบังเกิด และต้องมั่นดอกย้ำเสมอว่า ธรรมะเป็นของลิขสิ่ง แต่ไม่ยากที่จะเข้าใจ โดยเราต้องไม่ทำของง่ายให้เป็นของยาก เพราะถ้าทำง่ายๆ จะเข้าถึงธรรมะได้อย่างง่ายดายจริงๆ ดังปรมสิการของพระท่านที่ได้บอกไว้แล้ว ซึ่งถ้าดึงอีกก็รอๆ เราจะรู้ว่าที่นั่นทำไมมันง่ายอย่างนี้ ดังนั้น มาเริ่มต้นที่คำว่า ‘ง่าย’ และมั่นปฏิบัติธรรมต่อเนื่องอย่างสบายๆ ก็น่าจะดีกว่า