ข้อความต้นฉบับในหน้า
อย่างพระเสื้อสีกัม จิ้วก็เหมือนกัน น่าจะทำเป็นเสื้อคลุมเหมือนอย่างพระจีน จะได้ดู ทะมัดทะแมงขึ้น..." ดูเผิน ๆ ก็ว่าดี เพราะใส่อย่างนั้นทำอะไร รู้สึกคล่องตัวขนาดไหน แต่ก็ว่า เพราะนัดทะแมง เกินไป อาจทำให้เผลอสนิทได้ง่าย และบ้านเราก็ไม่ได้ทันกว่านักนา ขนเปลี่ยนสงเป็นกางเกงเปลี่ยนจีวรเป็นเสื้อคุม เดี๋ยวก็มวลจีนไปเลย เมื่อรามวายได้ เรื่องไม่สำรวมอื่น ๆ ก็ตามมาเป็นแถว มีแต่ใจไม่ชอบใจสีอะไรจะหาเหตุละเสียง่าย ๆ เพราะฉะนั้น แม้เครื่องนุ่งห่ม พระพุทธองค์ก็ทรงกำหนดให้ผ้าเป็นผืน ๆ ค่อย ๆ คลี่ออกมาแล้วก็หา เพื่อฝึกสติ ถ้าผลติคีท่าม ได้ไม่ดี ถ้าสติดีแล้ว สมถิพอจะดีได้ เพราะว่าดีกับมะสรีเป็นเสมือนพ่อน้องฝาแฝดกัน เป็นเงาตามตัว พรากจากกันไม่ดี ที่ไหนมิด ที่นั่นจะมีดิ ทำไมจะมีดี เหมือนอย่างเวลาที่เราดูไฟหรือจุดเทียน พอจุดปั๊บความสง่างามก็เกิดขึ้น ในความสง่างามอะไรควบคู่ด้วย มีความร้อน กล่าวมา ความสง่างามความร้อนเป็นอย่างเดียวกันไหม คะอะไรเท่า"
จะบอกวา ฉันจุดเทียนจะเอาแต่แสงสว่าง ไม่ต้องการความร้อนก็ได้ มันจะต้องร้อนของมัน เวลาเราก่อไฟตักข้าวก็เช่นกัน พอไฟติดแดงก็ร้อนจัด เดี๋ยวข้าวก็เดือดฉันมา เราจะบอกว่า...เจ้าความสง่างามไม่ต้องการเจ้าจะแน่นกลางวันแล้ว ข้าต้องการแต่ความร้อน คำนี้ก็บอกแตกต่างกันตลอด จะบอกว่า ฉันจุดเทียนจะเอาแต่แสงสว่างไม่ต้องการความร้อนก็ได้ มันจะต้องร้อนของมัน เวลาเราก่อไฟตักข้าวก็เช่นกัน พอไฟติดแดงก็ร้อนจัด เดี๋ยวข้าวก็เดือดฉันมา เราจะบอกว่า...เจ้าความสง่างามไม่ต้องการเจ้าจะแน่นกลางวันแล้ว ข้าต้องการแต่ความร้อน คำนี้ก็บอกแตกต่างกันตลอด จะบอกว่า ฉันจุดเทียนจะเอาแต่แสงสว่างไม่ต้องการความร้อนก็ได้ มันจะต้องร้อนของมัน เวลาเราก่อไฟตักข้าวก็เช่นกัน พอไฟติดแดงก็ร้อนจัด เดี๋ยวข้าวก็เดือดฉันมา เราจะบอกว่า...เจ้าความสง่างามไม่ต้องการเจ้าจะแน่นกลางวันแล้ว ข้าต้องการแต่ความร้อน คำนี้ก็บอกแตกต่างกันตลอด