ข้อความต้นฉบับในหน้า
เรื่อง: "เราจะแยกระหว่างบทสวดมนต์กับคาถาอาคมได้อย่างไร?"
บทสวดมนต์เป็นการรวมคำสอนที่สำคัญ เอาไว้ ซึ่งคำสอนนั้นมีอนุภาพ ส่วนคำว่า คาถา ความหมายที่แท้จริงเปล่าว่า ร้อยกรอง คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นทั้งที่ เป็นบทอร่อยและร่ายแก้ว ร้อยแก้วก็คือ คำบอกเล่า ๆ ไป ส่วนร้อยกรองก็คล้าย ๆ กับโคลง ฉันท์กถา ถอดใช้ในภาษาไทย แต่ในภาษาบาลีนี้ คาถา ๑ คาถา ๒ มีอยู่ ๒บรหัด ๔ วรรค ดังเช่น วรรคที่ ๑ "อัดตา หิ อั ตตาใน นาโย" ต่อไปวรรคที่ ๒ "โก หิ นา โปะ ปะโล สิมา"... พอครบ ๕ วรรค ก็เป็น ๑ คาถา นี้คือร้อยกรองในพระพุทธศาสนา แต่มาไขว่ว่า คาถาอาคม ซึ่งความเข้าใจของคนทั่วไปปัจจุบันรู้สึกว่าเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์
ส่วนคำว่า คาถา ที่จริงศัพท์เดิมหมายถึงพระสูตร พระไตรปิฏกประกอบด้วยพระวินัย พระสูตร และพระอรรถาธิบาย พระสูตรประกที่ใช้คำว่าอาแสน แต่ในยุคหลังเรามักจะแปลมาใช้แล้วความหมายแปลงไปนิดหน่อย คำว่า คาถาอาคม เราสึกเหมือนเป็นเรื่องที่ต้อง ห้อยลูกประคำ มีลูกสายสิญจน์ มีการ เลกคาถาเรียกวิญญาณลงม้า ฯลฯ ส่วนคำว่า คาถา แต่เดิมเขาใช้กัน เช่น คาถาทำคลอด สมัยโบราณถ้าผู้หญิงท้องแก่จะคลอด แล้ว คาถาอยาก ต้องไปนิมนต์พระมาสวด คาถา พระโชโร
เหตุที่บอกมีอยู่ว่า เมื่อครั้งบวกล องค์คลีมาสามคนมาเยอะ เพราะท่านเป็นโจร มาก่อน ภายหลังกลับใจบวช พบอาจแล้ว คนนั้นไม่ค่อยใส่บาท หนึ่งก็น้อย บางคนเอาหิน ขว้างปา เพราะโกรธที่ท่านเคยบำเพ็ญกุศลตน
ครึ่งหนึ่งพระองค์คลีมาสามองค์พระยังทำนายเทพจัณฑ์จากกำลง
ครึ่งหนึ่งพระองค์คลีมาสามองค์พระยังทำนายเทพจัณฑ์จากกำลง
ครึ่งหนึ่งพระองค์คลีมาสามองค์พระยังทำนายเทพจัณฑ์จากกำลง
พระองค์คลีมาสามองค์พระยังทำนายเทพจัณฑ์จากกำลง