ข้อความต้นฉบับในหน้า
ถึงแม้ลูกไม่มีความสิเนหาอาลัยในมารดาบิดา แต่
บุตรธิดาของลูกที่ยังเล็ก ๆ มีอีกมาก ไม่อาจขาดลูกได้
ขอให้บุตรธิดาเหล่านั้นเจริญวัยก่อนเถิด ลูกจึงค่อย
บวช”
พระบรมโพธิสัตว์ตรัสสั้นๆ ว่า “การพลัดพราก
จากกันเป็นเรื่องธรรมดาเพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
ขอพระโอรสและพระธิดาของหม่อมฉันจงเสวยสมบัติ
อย่างมีความสุขเถิด ส่วนหม่อมฉันปรารถนาสวรรค์
จึงขอทูลลาออกบรรพชา ณ บัดนี้” เมื่อพระชายา
๗๐๐ นางของพระโพธิสัตว์ได้ยินข่าวการเสด็จออก
ผนวช ต่างรีบลงจากปราสาท แล้วพากันเข้าไปยึด
ข้อพระบาท ร้องไห้อ้อนวอนพระองค์ว่า “พระหทัย
ของทูลกระหม่อมจะตัดขาดจากหม่อมฉันทั้ง
ไปเชียวหรือ ขอพระองค์ทรงเป็นที่พึ่งของหม่อมฉัน
ในชาตินี้เถิด”
๗๐๐
ส่วนพระอัครมเหสีของพระโพธิสัตว์กำลัง
ทรงพระครรภ์ได้สดับข่าวก็รีบเสด็จมาทูลอ้อนวอนว่า
“เสด็จพี่ หม่อมฉันผู้เป็นอัครมเหสีของพระองค์มี
ความอาลัยอาวรณ์ในพระองค์ เหตุไรเมื่อหม่อมฉัน
พร่ำเพ้ออยู่ พระองค์จึงมิได้ทรงมีเยื่อใย มุ่งแต่จะ
ทรงผนวชอย่างเดียว ขอพระองค์ทรงมีความเยื่อใย
ในลูกผู้ถือปฏิสนธิในครรภ์ของหม่อมฉันด้วยเถิด
ครรภ์ของหม่อมฉันแก่แล้ว ขอพระองค์ทรงอยู่รอก่อน
จนกระทั่งลูกหม่อมฉันประสูติเถิด อย่าให้หม่อมฉัน
เป็นหม้ายอยู่เพียงลำพังคนเดียวเลย”
พระโพธิสัตว์ทรงปลอบโยนพระนางว่า “อย่า
ได้ทำอันตรายต่อการบรรพชาของเราเลย เรายังคง
ยืนยันในความตั้งใจเดิมว่า จะออกบรรพชาอย่าง
แน่นอน” ขณะนั้น มหาเศรษฐีประจำเมืองได้ลุกขึ้น
ถวายบังคมว่า “ขอเดชะ ทรัพย์ของข้าพระพุทธเจ้า
มีมากมาย ข้าพระพุทธเจ้าไม่สามารถจะนับได้หมด
ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายทรัพย์ทั้งหมดนั้นแด่พระองค์
LD