ข้อความต้นฉบับในหน้า
... จริงๆ แล้ว ผู้ที่จะเป็นเนื้อนาบุญได้อย่างนี้ ก็
มีแต่พระภิกษุ หรือในสมัยพุทธกาลก็มีภิกษุณี ถ้าจะ
หย่อนลงมาอีก ก็เป็นนักบวชที่เป็นสัมมาทิฐิ อย่างนี้
ท่านเรียกว่าเป็นเนื้อนาบุญ... }}
เหมือนอย่างปัจจุบันนี้ พระในบางประเทศท่านประกาศตัวว่าเป็นพระภิกษุ แต่ท่าน
ก็มีลูก มีเมีย แต่ท่านก็ว่าท่านเป็นพระ ในสายตาของพระภิกษุที่ถือเคร่งครัดตาม
พระธรรมวินัย ก็ว่าท่านไม่ใช่พระ แต่ประชาชนชาวพุทธในประเทศนั้นๆ ก็ยังถือว่าท่าน
เหล่านั้นยังเป็นพระอยู่
ในกรณีอย่างนี้ ทำบุญกับพระภิกษุประเภทนั้น กับทำบุญทำทานกับชาวบ้านที่ตั้งใจ
ทำความดีในประเทศนั้น ซึ่งศีลคงพอๆ กัน ถ้าอย่างนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ที่จะได้บุญพอๆ กัน
แต่ในกรณีที่พระท่านตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมกันจริงๆ จังๆ ตามคำปฏิญาณที่
ให้เอาไว้ตั้งแต่วันบวชว่าจะทำพระนิพพานให้แจ้ง มากำจัดกิเลสให้หมด กาย วาจา ใจ
จะได้บริสุทธิ์ มาบวชเอาชีวิตเป็นเดิมพัน บวชอย่างนี้เป็นเนื้อนาบุญร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะฉะนั้น ถ้าใครมาทำบุญกับท่าน บุญนี้มหาศาล จะนับจะประมาณไม่
หวาดไหว อย่าเอาท่านประเภทนี้ไปเปรียบกับคนทั่วไปเลย เพราะว่ามันเปรียบกันไม่ได้ แต่
ว่าถ้าจะเปรียบต้องเปรียบกับพระยุคปลายพระพุทธศาสนา ส่วนยุคนั้นจะมาถึงเมื่อไรไม่
ทราบ แต่ในบางประเทศถึงยุคประเภทนี้แล้ว
ขอฝากเป็นข้อคิดไว้ ๒ ประการ คือ
ประการแรก ในขณะที่ประเทศไทยเรายังมีพระที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมกันอย่าง
จริงๆ จังๆ อยู่ไม่น้อย ไม่พูดถึงผู้ที่มาบวชชั่วคราว หรือบวชตามประเพณี พระใน
ประเทศไทยนี้ ที่ตั้งใจจะถางทางไปพระนิพพานยังมีอยู่อีกไม่น้อย ท่านเหล่านี้เป็นเนื้อนา
บุญอันแท้จริงของพวกเรา ให้รีบไปทำบุญทำทานกับท่านก่อนที่เนื้อนาบุญเหล่านั้นจะถูก
สภาพการเมืองบ้าง สภาพเศรษฐกิจบ้าง มาบีบมาคั้นจนกระทั่งร่อยหรอลงไปทุกวันๆ
ตอนนั้นเมื่อถึงคราวอยากจะทำบุญทำทานกับท่าน ท่านก็ไม่อยู่ให้ทำบุญทำทานเสียแล้ว
แล้วเราจะได้บุญได้กุศลจากไหนกัน