สุนทรพจน์ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ณ มหาธรรมกายเจดีย์ วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน มีนาคม พ.ศ.2552 หน้า 54
หน้าที่ 54 / 128

สรุปเนื้อหา

ในสุนทรพจน์นี้ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ได้กล่าวถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและศรีลังกาในด้านพระพุทธศาสนา พร้อมกับการแสดงความขอบคุณต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีแห่งศรีลังกา ที่เข้าร่วมพิธีวันมาฆบูชา ณ มหาธรรมกายเจดีย์ สื่อสารไปยังผู้ชมทั่วโลกโดยผ่านการถ่ายทอดเสียงและภาพ เพื่อส่ง เสริมความสงบสุขและความเข้าใจร่วมกัน โดยวัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกายได้ทำงานเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศและเสริมสร้างสันติสุขในระดับสากลมายาวนานกว่า 40 ปี.

หัวข้อประเด็น

-สุนทรพจน์
-วันมาฆบูชา
-วัดพระธรรมกาย
-ศาสนาพุทธ
-ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและศรีลังกา
-การส่งเสริมสันติสุข

ข้อความต้นฉบับในหน้า

สุนทรพจน์ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และประธานมูลนิธิธรรมกาย เจริญพร ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา และแขก ผู้มีเกียรติทุกท่าน อาตมภาพ ในนามวัดพระธรรมกาย มูลนิธิธรรมกาย และเหล่ากัลยาณมิตรผู้รักสันติสุข จากนานาชาติทั่วโลก ขออนุโมทนาและขอขอบใจ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างยิ่ง ที่ ฯพณฯ ได้ให้เกียรติเดินทางมาร่วมพิธีวันมาฆบูชา และแสดงสุนทรพจน์ที่มีความสำคัญในท่ามกลางมหาชน ณ มหาธรรมกายเจดีย์แห่งนี้ และได้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงผ่านดาวเทียมไปยังผู้ชมผู้ฟังทั่วโลก ประเทศไทยและประเทศศรีลังกานั้น มีความสัมพันธ์กันมาตั้งแต่โบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางด้านพระพุทธศาสนา ที่ทั้งสองประเทศได้เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันมา ตั้งแต่อดีตจนถึงยุคปัจจุบัน วัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกายก็เป็นองค์กรหนึ่ง ที่ได้ดำเนินกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา มาอย่างต่อเนื่องกว่า ๔๐ ปี เพื่อที่จะสถาปนาสันติสุขอันไพบูลย์ให้เกิดขึ้นแก่ชาวโลกด้วยสันติวิธี ด้วยการยึดถือความสงบและเคารพในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์ วัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกายก็เป็นองค์กรหนึ่ง ที่ได้ดำเนินกิจกรรมทางพระพุทธศาสนามา อย่างต่อเนื่องกว่า ๔๐ ปี เพื่อที่จะสถาปนาสันติสุข อันไพบูลย์ให้เกิดขึ้นแก่ชาวโลกด้วยสันติวิธี ดังนั้น การที่อาตมภาพ ตลอดจนหมู่คณะกัลยาณมิตร วัดพระธรรมกาย และมูลนิธิธรรมกาย ได้ร่วมกันถวายพระธรรมกาย อันเป็นพระพุทธปฏิมากร เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ ประเทศศรีลังกา จำนวน ๒๒๒ องค์นั้น นอกจากจะเป็นการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางด้านพระพุทธศาสนาระหว่าง สองประเทศแล้ว ด้วยเหตุผลอีกประการหนึ่ง คือ เป็นเพราะ ฯพณฯ ประธานาธิบดี ตลอดจน ผู้บริหารประเทศในปัจจุบัน ได้แสดงออกซึ่งความเป็นพุทธศาสนิกชนที่น่านิยมนับถืออย่างยิ่ง เพราะทราบว่า ได้จัดให้มีการแสดงธรรม ณ ทำเนียบประธานาธิบดีเป็นประจำทุกเดือน โดยมี ฯพณฯ ประธานาธิบดี และคณะผู้บริหาร เข้าร่วมฟังธรรมและปฏิบัติธรรมอย่างน่าอนุโมทนา และสมควรเป็นต้นบุญต้นแบบแห่งความเป็นนักปกครองอย่างน่าเลื่อมใสจึงเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า พระพุทธศาสนาจะยังคงเจริญรุ่งเรือง และนำสันติสุขมาสู่สังคมมนุษยชาติไปอีกยาวนาน
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More