การสร้างกระแสการตื่นตัวในพระพุทธศาสนา วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552 หน้า 91
หน้าที่ 91 / 120

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้พูดถึงการสร้างกระแสความตื่นตัวในพระพุทธศาสนา โดยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการรวมพุทธบริษัทเพื่อสร้างพลังอันยิ่งใหญ่และเผยแผ่ความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนาอย่างมีประสิทธิภาพ ในยุคที่มีข้อมูลมากมายหลากหลาย ชาวพุทธจำเป็นต้องมีการทำงานเชิงรุกเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการในการศึกษาธรรมะได้ ซึ่งมีความสำคัญมากในการสืบต่อและเผยแพร่แนวทางที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทำไว้ในอดีต เพื่อสร้างสังคมที่ดีกว่าในอนาคต.

หัวข้อประเด็น

-การตื่นตัวในพระพุทธศาสนา
-การเผยแผ่ธรรมะ
-การประชุมพุทธบริษัท
-การศึกษาในพระพุทธศาสนา
-การทำงานเชิงรุก

ข้อความต้นฉบับในหน้า

๘๙ สร้างกระแสความตื่นตัวเรื่องกีฬาไปทั่วโลก เด็กๆ เยาวชนเห็นตัวอย่างนักกีฬาเก่งๆ ก็ เกิดแรงบันดาลใจอยากจะเล่นกีฬาบ้าง อยากจะ มัน ฝึกบ้าง เหมือนเมืองไทยเราเองที่ไปได้เหรียญ โอลิมปิกมาหลายๆ เหรียญ เทควันโดที่คนไม่ค่อย สนใจ พอมีคุณวิวไปได้เหรียญทองแดงมา เยาวชน ไทยก็ตื่นตัว มีการเปิดสนามฝึกเทควันโดขึ้นมา มากมาย กีฬายกน้ำหนักก็ได้มาหลายเหรียญ ตอนนี้คนสนใจยกน้ำหนักกันขึ้นมามาก เป็นการปลุกกระแส ซึ่งเป็นเรื่อ นเรื่องธรรมดาของคน ดังนั้น ถ้าหากมีการรวมสงฆ์ครั้งยิ่งใหญ่ มีการรวมพุทธบริษัทครั้งยิ่งใหญ่เป็นระยะ ๆ ผลที่ เกิดขึ้นจะไม่ได้อยู่แต่เพียงคนล้านคน หรือพระ หลายๆ แสนรูป ที่มารวมกันเท่านั้น แต่ว่าจะเกิด เป็นกระแสความตื่นตัวในการศึกษาธรรมะและการ เผยแผ่พระพุทธศาสนาขยายกว้างไปทั้งโลก การ ประชุมสงฆ์ ประชุมเหล่าพุทธบริษัทในยุคนี้ จึงมี ความจําเป็นอย่างยิ่งยวด แต่ที่ผ่านมาต้องบอกกันตรงๆ ว่า ศาสนา ของเราขาดการเผยแผ่ในเชิงรุก ส่วนใหญ่เป็นเชิงรับ ถึงเวลาแล้วที่ชาวพุทธจะต้องตื่นตัวขึ้นมา แล้วก็ช่วยกันทำงานเชิงรุกด้วยการประชุม พร้อมหน้ากัน ซึ่งจะก่อเกิดเป็นพลังใจอัน ยิ่งใหญ่ แล้วมาซักซ้อม ปฏิบัติตามโอวาท ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสร็จแล้วก็กลับไป ปฏิบัติหน้าที่ในท้องถิ่นตัวเอง สร้างกระแส ตื่นตัวในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุก ไปสู่ใจประชาชนให้ได้.... บางที่รับยังไม่ค่อยจะอยู่เลย ยกตัวอย่างบ้านเรา หากมีฝรั่งสนใจจะมาศึกษาพระพุทธศาสนา ถามว่าจะให้ไปที่ไหน เรายังบอกไม่ค่อยจะถูกเลย นี่ขนาดเขาสนใจแล้วเรายังรับเขาไม่ค่อยจะได้เลย อย่าว่าแต่เชิงรุก ถึงเวลาแล้วที่ชาวพุทธจะต้องตื่นตัวขึ้นมา แล้วก็ช่วยกันทำงานเชิงรุกด้วยการประชุมพร้อม หน้ากัน จะก่อเกิดเป็นพลังใจอันยิ่งใหญ่ แล้วมา ซักซ้อม ปฏิบัติตามโอวาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสร็จแล้วก็กลับไปปฏิบัติหน้าที่ในท้องถิ่นตัวเอง สร้างกระแสตื่นตัวในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เชิงรุกไปสู่ใจประชาชนให้ได้ ให้ทันกับกระแสกิเลส ที่มากับสื่อหลากหลายชนิดในยุคปัจจุบัน ให้ กระแสสื่อสีขาวท่วมท้นไปในสื่อทั้งหลาย สร้าง วงจรพลิกสวนกระแสวงจรเก่า สร้างวงจรใหม่ คือ วงจรบวก วงจรแห่งศีลธรรม วงจรแห่งความสงบ ให้เกิดขึ้นมาให้ได้ สิ่งที่ใคร ๆ คิดว่าคงทำไม่ได้ อะไรๆ ก็ คงจะแย่ไปอย่างนี้แหละ ความคิดอย่างนี้ไม่ถูก และไม่จริง เหมือนเมื่อครั้งพุทธกาลไม่มีใครคิด หรอกว่าจะมีคนเลิกนับถือสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น การฆ่า การบูชายัญ การถือชั้นวรรณะ แล้วกลับ มานับถือในสิ่งที่ถูกต้องได้ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงพระองค์เดียวทรงทำได้มาแล้ว ประทีปธรรม ที่พระองค์ทรงจุดขึ้นยังส่องสว่าง ๒,๕๐๐ กว่าปี เรา จะปล่อยให้มอดดับในยุคของเราไม่ได้เด็ดขาด ต้องช่วยกันเติมเชื้อจุดไฟประทีปแห่งธรรมให้ ลุกโพลงขึ้นในใจของชาวโลกทั้งหลาย แล้วสืบต่อ กันไปนานแสนนานให้ได้ ปฏิบัติอย่างนี้ได้ชื่อว่าเป็น การปฏิบัติบูชา เป็นการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ถูกวิธีที่สุด - D
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More