วิธีฝึกสมาธิเบื้องต้น วารสารอยู่ในบุญประจำเดือนกันยายน พ.ศ.2559 หน้า 124
หน้าที่ 124 / 140

สรุปเนื้อหา

สมาธิคือความสงบและความรู้สึกเป็นสุขที่สามารถสร้างได้ด้วยตนเอง ตามคำสอนของพระพุทธองค์ การฝึกสมาธิเบื้องต้นเริ่มจากการกราบบูชาพระรัตนตรัย และสมาทานศีล 5 หรือ 8 เพื่อตั้งสติ จากนั้นให้นั่งในท่าที่สบาย ปราศจากความเครียด นำพาจิตใจออกไปสู่ภายใน โดยการนึกถึงดวงแก้วที่ใสและมีรัศมีสว่าง เพื่อช่วยให้จิตใจมีสมาธิและไม่มีการบังคับ ทุกคนสามารถฝึกได้ง่าย ๆ เพื่อช่วยให้การดำเนินชีวิตมีความสุขมากขึ้น มีเพิ่มเติมในวิธีปฏิบัติจากพระเดช-พระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ที่ช่วยให้การฝึกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีความเครียด ในที่สุดจิตใจจะเป็นหนึ่งเดียวกับความสงบ

หัวข้อประเด็น

-การฝึกสมาธิ
-การตั้งสติ
-การนั่งสมาธิ
-พระพุทธศาสนา
-ความสุขในชีวิตประจำวัน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

วิธีฝึกสมาธิเบื้องต้น สมาธิ คือ ความสงบ สบาย และความรู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่งที่มนุษย์สามารถสร้างขึ้นได้ ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่พระพุทธศาสนากำหนดเอาไว้เป็นข้อควรปฏิบัติ เพื่อการดำรงชีวิตทุกวันอย่างเป็นสุข ไม่ประมาท เติมไม่ด้วยสติปัญญา และปัญญา อันเป็นเรื่องไม่เหลือวิสัย ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ง่าย ๆ ดังวิธีปฏิบัติพระเดช-พระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษเจริญ เมตตาสอนไว้ดังนี้ 1. กราบบูชาพระรัตนตรัย เป็นการเตรียมจิตเตรียมใจให้มนุษย์เป็นเบื้องต้น แล้วสมาทาน ศีล ๕ หรือ ศีล ๘ เพื่อย้ำความมั่นคงในคุณธรรลองตนเอง 2. คุกเข่าหรือนั่งพับเพียบสบาย ๆ ระลึกถึงความดีที่ได้ทำแล้วในวันนี้ ในอดีต และที่ตั้งใจจะทำต่อไปในอนาคต จนร่างกายทั้งหมดประกอบขึ้นด้วยอดีตแห่งคุณงามความดี ล้วน ๆ 3. นั่งตั้งตรง ขาขวามาข้างซ้าย มือขวาทับมือซ้าย นั่งขึงมิ่งข้างขวางวางขวางมือข้างซ้าย นั่งให้อยู่ในท่าที่พอดี ไม่ฟั่นเฟือยมากจนเกินไป ไม่ล้บ่าก็เร็ง แต่ย่ำให้นั่งหลังตรง หลับตาพอสมควร กลั้นลมหายใจ คล้ายกับกำลังพักผ่อน ไม่มีบึกกล้ามเนื้อกลั้นหายใจหรือบวมตัว แล้วตั้งใจมองในอารมณ์ สบาย สร้างความรู้สึกให้พร้อมทั้งกายและใจว่าจะเข้าไปสู่ภายใน 4. นิเทศกนิมิดเป็น “ดวงแก้วกลมใส” ขนาดเท่าแก้วตาดำ ใบรุ้งสีสวย ตราบดวงตาขาดิน ใบขาวใส เย็นตาเย็นใจ ดับประกายของดวงดาว ดวงแก้วกลมใสร้ายกว่า บริกรรมมนิทนิยา ๆ นิยมเหมือนดวงแก้วนั้นมานั่งสังเกต ณ ศูนย์กลางฐานที่ ๗ นิเทศไปว่างไปอย่างนุ่มนวล เป็นพุทธบูรณาคมว่า “สัมมะระหัง” หรือ “สัมมะระหัง” หรือ “สัมมะระหัง” หรือ “สัมมะระหัง” หรือ “สัมมะระหัง” หรือ “สัมมะระหัง” หรือ “สัมมะระหัง” 5. นึกกนิมิดเป็น “ดวงแก้วกลมใส” ขนาดเท่าแก้วตาดำ ใบรุ้งสีสวย ตราบดวงตาขาดิน ใบขาวใส เย็นตาเย็นใจ ดับประกายของดวงดาว ดวงแก้วกลมใสร้ายกว่า บริกรรมมนิทนิยา ๆ นิยมเหมือนดวงแก้วนั้นมานั่งสังเกต ณ ศูนย์กลางฐานที่ ๗ นึกไปว่างไปอย่างนุ่มนวล เป็นพุทธบูรณาคมว่า “สัมมะระหัง” หรือ “สัมมะระหัง” หรือ “สัมมะระหัง” หรือ “สัมมะระหัง” หรือ “สัมมะระหัง” หรือ “สัมมะระหัง” หรือ “สัมมะระหัง” 6. เคลื่อนเข้าสู่ศูนย์กลางกายตามแนวฐาน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ฐานที่ ๑ เป็นนไป ในน้อมอย่างสบาย ๆ ใจเย็น ๆ ไปรพร้อม ๆ กับคำว่า อึ่ง ๆ เมื่อมินดดดแก้วกลมใสปรากฏแล้ว ณ กลางกาย ไหววากระมัดระวังกันบ้างก็แล้วแต่ จนเหมือนกับว่ามิ่มเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์ หากดวงนิมิตนั้นอิ่มดตนาายๆไป ก็ไม่ต้องนี่เสียาย ไหวนอารมณ์สบาย แล้วก็จินตนั่นขึ้นมาใหม่แทนดวงเก่า หรือเมื่อจินตนั่นไปปรุงกุฏฐ์อื่น ๆ มีpaisศูนย์กลางกาย ให้ค่อย ๆ น้อมนิมิต เข้ามาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีการบังคับ และเมื่อมินดมาหยุดสนิท ณ ศูนย์กลางกาย ให้วางสติลงไปยังศูนย์กลางของดวงนิมิต ด้วยความรู้สึกคล้ายมีดวงดาวดวงเล็ก ๆ อีกดวงหนึ่ง ซ้อนอยู่ตรงกลางดวงนิมิตดวงเดิม แล้วสนใจใจแต่... (เนื้อหาย่อ)
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More