ข้อความต้นฉบับในหน้า
"ขันติทั้ งหลาย พึ่งระแวงภัย ที่น่าระแวง แล้ว ระวังป้องกันกัน นั้นก่อนที่มันจะมาถึง"
บางรายเขามีพื้นที่ของเขา แต่ว่าเขามาเช่าที่ใน ๑๙ ไร่กานาตัว ก็เลยมาสร้างบ้านเรือนเอาไว้ในพื้นที่ที่ทำอยู่ ใจหลวงพ่อคิวอีก เขา เคยอยู่ก็อยูไปแล้วกัน เราก๊ะกันที่เอามอส่วนหนึ่ง แล้วเขาจะปลูกบ้านสร้างเรือนอะไรเราก็ ไม่ว่า อยู่แล้วก็อยู่อีกไป แต่คุณยายอาจารย์ ท่านไม่เห็นด้วย ท่านบอกว่าอย่าทิ้งปัญหาไว้รอจนหลัง เริ่มต้นต้องแก้ไขป้องกันไว้ให้เสร็จสรรพ คนรุ่นหลัง จึงจะอยู่อย่างสุข เพราะว่าถ้าปล่อยให้คนเขา อาศัยอยู่ในวัด นานไปจะมีเรื่องยุ่งยากตามมา เพราะกฎเกณฑ์สำหรับควบคุมดูแลวัดของ โลก นั้นควบคุมกันด้วยกฎหมาย แต่กฎเกณฑ์ของ ศาสนาควบคุมกันโดยศีล แค่ก็เห็นได้ ว่ามันเริ่มไม่ไปด้วยกัน แล้วท่านก็ยกตัวอย่างขนามหลวงพ่อ ว่า “ถ้าคุณกันเขาให้เขาอยู่กัน” แต่เขายังอยู่ ในบริเวณวัด ถ้ามีคนเหล่านั้น คุณเข้าไปหามาไม่ได้ไหม ? หลวงพ่อก็อตตอบคุณยายตรง ๆ ว่า “เขาเกินเหล้าในบ้านเขา เราคงเข้าไปหามาไม่ได้” แล้วถ้าชาวบ้านเปิดบ่อนเล่นการพนันในบ้าน คุณจะเข้าไปหาได้ไหม ? “ก็ห้ามไม่ได้นะ ยาย”"
"คุณยายท่านก็ถามต่อว่า “แล้วถ้าเรื่อง เหล่านี้เกิดขึ้น ความเสียหายเกิดกับเขาหรือเกิด กับวัด หรือเกิดกับพระพุทธศาสนา ?” หลวงพ่อตอบว่า “เกิดหมดเลย เขาเองก็เสียดายด้วย แต่ว่าด้านในด้านเสียแล้วเขาไม่รู้สึก แต่ดัจและ พระพุทธศาสนาเป็นอันตรายแน่”"
"คุณยายเลยสอบให้ว่า เริ่มต้นจะสร้างวัด ก็ต้องดำเนินพิ้นที่ของวัด กันแต่ให้ดเจน ตอนนั้น หลวงพ่อยิ่งไม่ได้บวก รับหน้าที่ไปพูดคุยกับ ชาวบ้านให้รู้เรื่อง ให้เห็นแก่พระพุทธศาสนา ชาวบ้านเขาก็เลยย้ายออกไปปลูกบ้านในทาง ทางของเขาเอง บางบ้านไม่มีจะไป หลวงพ่อก็ รวมรวมปัจจัย แล้วให้เขาเขาออกทางของ เขาเอง แล้วก็ยังช่วยปลูกบ้านให้ด้วย ที่คุณยายต้องป้องกันไว้ก่อน เพราะเรื่อง เคยมีมาแล้ว เมื่อ ๑ ปี ก่อนที่เรามาสร้างวัด มิวัดแห่งหนึ่ง มีคนเข้าพื้นที่ของวัดอยู่ถวาย ดอมเขายาย พื้นที่ของเขาออกไป และเอา ลูกหลานมาอยู่อีกเยอะ ขณะนี้คนหนึ่งก็ จะเอาที่ของวัดที่เขาขออยู่ไปตักแตง เขาอยู่ มานานจนกว่าเป็นสิทธิ์ของเขา เจ้าของวาส ไม่ยอม ท่านจะสร้างศาลา แล้วท่านก็พ่อง ขับไล่ เพราะว่าปล่อยให้สร้างอีกแถวในวัดไม่ได้"