ข้อความต้นฉบับในหน้า
การพิจารณาเนื้อหาจากภาพที่ให้มาคือ:
หนังสือ ก็สอบเข้าไม่ได้ จะเข้าได้ขอมิ่งทั้งสิ้น ก็เตรียมเอาไว้ ถึงคราวไปพรีเซนต์ (Present) ปัญญา ความวิริยะอดทนทะยานและความรับผิดชอบ ก็เปิดให้ดูเลย เคยมีบันทึกดูใหม่มาพรีเซนต์ ตัวเองให้ฟัง เขาเตรียมการมาดีว่าเขาเคย ได้รับประกาศนียบัตรจากการทำกิจกรรมนั้น มีผลงานนี้ พรีเซนต์เป็นเรื่องเป็นราว ฟังแล้ว ประทับใจ ถ้าเวลาไปสมัครงานเราสามารถ พรีเซนต์ประสบการณ์จากกิจกรรมที่เราทำ ผ่านมาได้ ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ในการทำงาน รูปแบบหนึ่งเหมือนกัน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะให้ นำหนักดียิ่งกว่าสัมภาระในงาน ตามบริษัทต่าง ๆ เสียอีก เพราะแสดงว่าเรา เป็นคนที่แอคทีฟ (Active)
มีความเห็นอย่างไรในเรื่องที่ว่าเรียน จบปริญญาหรือโทแล้วกยังไม่เพียง พอ? รู้สึกว่าส ดีขอบก็ไม่จบปริญญาตรี แต่เขาดึงบริษัทแอปเปิลได้ หรือแม้แต่มาริซา โค้ค เดอริก ก็เป็นบัณฑิต ส่วนคนที่ตั้ง วอส์เลอร์ เขาตั้งบริษัทมา ๓ ปี มีพนักงาน ๕๐ คน ขายบริษัทได้เท่านับ ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ก็ไม่จบปริญญา แม้แต่บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้ง ไมโครซอฟท์ ก็จบปริญญาอาเหมือนกัน ถามว่าทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะเขาด้วยเป็น ดังนั้นการจบปริญญาเป็น ตัวว่าแต่เป็นเพียงเท่านั่นเอง พูดอย่างนี้ไม่ได้ หมายถึงว่าไม่ต้องเรียนแล้ว การเรียนให้จบ เป็นดนตรีที่เป็นประโยชน์อยู่แล้ว แต่ถ้าจะเพียงเพื่อเอาใบปริญญามา ก็เท่านั้น ในประเทศญี่ปุ่นใครไม่จบก็เรียนหรือ สมัครงานก็ได้ เขาจะมีประวัติอย่าง ละเอียดว่า คุณเคยทำอะไรบ้าง แล้วเขาจะประเมินจากทุกอย่างที่คุณเคยทำมา เช่น คนนี้จบปริญญา โท คนนี้จบโทแล้วมีความ
มิถุนายน ๒๕๖๐ อยู่ในบุญ ๓
เป็นวาระสุดท้าย.