ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทความพิเศษ : กองบรรณาธิการ
พยานทางวัตถุ ที่มีค่าที่สุด...
ที่จะทำให้วิชชาธรรมกายดำรงอยู่ตราบนานเท่านาน
หากเราได้ศึกษาประวัติศาสตร์หรือโบราณคดี เราจะพบว่าหลักฐานที่เป็นพยาน
ทางวัตถุสามารถสืบค้นไปถึงต้นตอของเรื่องราวในประวัติศาสตร์ได้อย่างน่าทึ่ง
แม้ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปเนิ่นนานเป็นศตวรรษ
อย่างเช่น การขุดค้นพบทองคำจำนวน ๕,๗๐๐ ชิน
จากหลุมศพอายุ ๒,๗๐๐ ปี จากสุสานชาวซิเทีย ณ หุบเขา
ในสาธารณรัฐตูวาของรัสเซีย ที่ถูกทำขึ้นด้วยฝีมือ
อันประณีตจนน่าทึ่ง ของช่างทองในยุคสมัยนั้น ซึ่งชี้ให้
เห็นถึงอารยธรรมอันอ่อนโยน จนทำให้เข้าใจถึงคุณภาพ
ชีวิตของชาวซีเรียในอีกแง่มุมหนึ่ง ลบล้างภาพลักษณ์เดิม
ไปอย่างสิ้นเชิงที่ว่า ชนเผ่านี้เป็นพวกไร้อารยธรรม เป็น
เพียงนักรบบนหลังม้าที่กักขฬะป่าเถื่อน เพราะศึกษาจาก
เครื่องทองคำ ที่บรรจงทำขึ้นด้วย
ลวดลายอันวิจิตรได้ถึงเพียงนี้ สะท้อนให้เห็นถึงอารยธรรม
ของชนชั้นสูง
จะเห็นว่า การบอกเล่าเรื่องราวจากรุ่นสู่รุ่น เผยลึกถึง
เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ยากเกินต่อการคาดเดา
จำเป็นอย่างยิ่งต้องอาศัยพยานทางด้านวัตถุอยู่ไม่น้อย
ในโลกอนาคตอีก ๑,๐๐๐ ปีข้างหน้า
สมมุติว่าเรากำลังไปอยู่ในโลกแห่งอนาคต ในอีกหนึ่งพันปีข้างหน้า ณ ดินแดน
ที่เรียกว่าประเทศไทย จะมีความภาคภูมิใจใดเล่าเทียบเท่ากับคำกล่าวขานที่ว่า
ครั้งหนึ่งประเทศไทยเคยได้ชื่อว่า เป็นดินแดนศิวิไลซ์ คนไทย..เป็นคนที่มีจิตใจ
สดใสงดงาม เป็นดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลก เพราะ
ประชาชนในสมัยนั้น มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ถึงขนาด
ร่วมใจกันหล่อพระทองคำถึง ๕ องค์ ประดิษฐานกระจายอยู่ตามวัดและมงคล
สถานต่างๆ ของประเทศไทย เพื่อเป็นการยกย่องบูชาสักการะต่อมหาปูชนียจารย์
ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้หายสาบสูญ
ไปจากโลกกว่า ๕๐๐ ปีหลังพุทธกาล นามว่า “พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)