การบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน ตุลาคม พ.ศ.2548 หน้า 73
หน้าที่ 73 / 90

สรุปเนื้อหา

การบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (รุ่น ๑) ของสถาบันพระปกเกล้า เป็นการส่งเสริมผู้ที่มีความสามารถในด้านนโยบาย และการบริหารงานด้านกฎหมาย โดยเฉพาะในหน้าที่ที่มุ่งหวังให้ไทยเจริญก้าวหน้า ด้วยความตั้งใจในการทำงานและมีอุดมการณ์ที่เสียสละ ซึ่งคำนึงถึงอนาคตของประเทศและมีการประยุกต์ใช้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และสร้างผู้นำที่มุ่งมั่นในการปรับปรุงแนวทางการบริหารประเทศสู่ความเจริญเติบโตและแก้ไขปัญหาสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ

หัวข้อประเด็น

-การบริหารงานภาครัฐ
-กฎหมายมหาชน
-ผู้นำในการบริหาร
-ศักยภาพของประเทศไทย
-อุดมการณ์เพื่อชาติ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

การบริหารงานภาครัฐและ กฎหมายมหาชน (รุ่น ๑) ของ สถาบันพระปกเกล้า ทำให้เขา สามารถดำรงตำแหน่งหลาย ตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา กิตติมศักดิ์คณะกรรมาธิการการ ศึกษา ศาสนา ศิลปะและ วัฒนธรรมวุฒิสภา ที่ปรึกษา กิตติมศักดิ์คณะกรรมาธิการการ ยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน วุฒิสภา เป็นเลขานุการคณะอนุ กรรมาธิการติดตามและตรวจ สอบนโยบายปราบปรามผู้มี อิทธิพลของรัฐบาล หรือเป็นที่ ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการติดตาม และตรวจสอบการปฏิบัติงาน ของตำรวจ และประกาศนียบัตร อีกมากมายเป็นปึก ที่เรากำลัง ถืออยู่ในมือ..!! จากศักยภาพ และผลงาน อันเป็นที่ประจักษ์ยอมรับอย่าง โดดเด่น ทำให้เขาก้าวมายืน ตระหง่านอยู่ในหน้าที่ที่ได้รับความไว้วางใจจาก ผู้หลักผู้ใหญ่ในคณะสว. และเพื่อนร่วมงาน ความตั้งใจจริงในการทำงาน โดยมีอุดม การณ์ที่เสียสละเพื่อชาติอย่างเด่นชัด จึงทำให้เขา ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎไทย ชั้นที่ ๕ เบญจมาภรณ์ ในปี พ.ศ.๒๕๕๔ และ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก ชั้นที่ ๕ เบญจ มาภรณ์ ในปี พ.ศ.๒๕๔๗ “ตลอดเวลาที่คลุกคลีอยู่ในวงการกฎหมาย เคยทำงานในพรรคการเมือง เป็นทนายความทำ คดีใหญ่ๆ กระทั่งเคยทำงานกับอดีตท่านประธาน สภา จากประสบการณ์หลายอย่างที่ผ่านเข้ามาใน ชีวิตด้านการเมือง ผมขอบอกตรงๆ ว่า มัน เหนื่อยมากกว่าการทำธุรกิจหลายเท่า เงินก็ได้ไม่ คุ้มเลย สู้การทำธุรกิจไม่ได้ แต่ทุกวันเวลาของชีวิต ผมมีความเชื่อมั่นลึก ๆ ว่า หากผมมีโอกาสและ ชีวิตยืนยาวพอ ผมอยากเห็นประเทศไทยเจริญใน ขณะที่ผมมีชีวิตอยู่ และหากมีโอกาสผมก็จะก้าว เข้าไปทำในสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นทันที เพราะเมืองไทยมีอะไรดีๆ เยอะมาก มี ความอุดมสมบูรณ์ พร้อมที่จะเป็นปิ่นนานาประเทศ แต่เมืองไทยขาดคนบริหาร ขาดผู้นำในการชี้นำ สังคมว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร เช่นหากผู้นำของประเทศไปชี้ว่าเหล้าดี เป็นการ ทำให้เศรษฐกิจกระเตื้อง ให้เอาเข้าตลาดหลัก ทรัพย์ดีกว่า เท่ากับเป็นการยอมรับว่าเหล้าดี และ เมื่อเข้าไปแล้วเกิดการมอมเมาเยาวชนเพิ่มมากขึ้น สร้างค่านิยมและสร้างปัญหาเยาวชนให้เกิด ขึ้น ทำให้ปัญหาด้านครอบครัวต่างๆ เกิดตามมา อีกมากมาย ต่อไปแสงแห่งอนาคตของประเทศคง ต้องหรี่ลงจนมืด แต่ถ้าเราหันมาจับจุดที่เข้มแข็ง ของประเทศและพัฒนาสิ่งนั้นให้ก้าวสู่ระดับสูงสุด ของโลก จนคนทั่วโลกต้องหันมาสนใจประเทศไทย เช่นสมมุติว่าผู้นำประเทศตั้งโจทย์ว่า ทำอย่างไร ก็ได้ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางศาสนาพุทธ อยู่ใน see) ๒๑
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More