มารในพระไตรปิฎกและความเข้าใจชีวิต วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน ตุลาคม พ.ศ.2548 หน้า 19
หน้าที่ 19 / 90

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาพูดถึงเรื่องของมารในพระไตรปิฎกที่มักมีการวาดภาพว่าเช่นเดียวกับการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เราไม่รู้จักตัวเราเองและเหตุผลที่คนเรามีความแตกต่างกัน มารทำให้เกิดสิ่งๆ ที่ทำให้คนเราทุกข์และไม่สามารถรู้เรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับชีวิตเราได้ พระเดชพระคุณหลวงปู่มีความเข้าใจลึกซึ้งในเรื่องนี้ และเส้นทางไปถึงนิพพานสามารถทำได้ผ่านการเจริญสติและความเข้าใจในธรรม.

หัวข้อประเด็น

-ความหมายของมาร
-บทบาทของมารในชีวิต
-การหลุดพ้นจากมาร
-ความไม่รูในชีวิต
-การศึกษาธรรมตามพระเดชพระคุณหลวงปู่

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ไม่มีการให้รายละเอียดในพระไตรปิฎก มารจริงๆ ที่น่ากลัว หน้าตาไม่น่ากลัว แต่ มารที่เขาวาดหน้าตาน่ากลัว มันไม่ค่อยน่ากลัว เขาวาดไปตามจินตนาการ เพราะมารที่พระเดช พระคุณหลวงปู่ไปเจอ หรือที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปเจอโดยเฉพาะที่ใต้ต้นอชปาลนิโครธ เป็นมาร เดียวกับที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ค้นเข้าไปเจอ เป็นมารที่หน้าตาไม่น่ากลัว สวย สง่างาม มีรัศมี แต่ไม่มีวาดเอาไว้ตามฝาผนังหรือในหนังสือ แม้กระทั่งบัดนี้ก็ไม่มี ไม่มีเลย ดังนั้น เรามารู้เรื่องของพญามารเป็นเรื่องที่ สำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับเรา ที่เกี่ยวข้องก็คือ พญามารทำให้เกิดความทุกข์ทรมานในชีวิตให้มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย มีการพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก ประสบสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ปรารถนาอะไรก็ไม่สม ปรารถนา มารบังคับให้เราเกิดอกุศลจิต คิดไม่ดี พูดไม่ดี และทำไม่ดี ต่อตนเองก็ดี ต่อผู้อื่นก็ดี ต่อ สัตว์ทั้งปวงก็ดี แล้วมีวิบากกรรม วิบากกรรมนั้น รองรับกันตั้งแต่ในอบายภูมิ อบายภูมิตั้งแต่ เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก ในมหานรก ภพภูมิต่าง ๆ อีกมากมายก่ายกอง ซึ่งเราไม่เคย รู้เรื่องอย่างนี้มาก่อน เคยได้ยินก็ฟังผ่านๆ พอ ไม่ได้ยินคำอธิบายที่ชัดเจนก็ไม่เชื่อ แล้วในที่สุด ก็ น้อมลงไปในมิจฉาทิฏฐิ คือ ไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้ ไม่มี อะไรต่างๆ เหล่านั้น มารทำให้เกิดสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เรา ไม่รู้จักตัวเราเอง ไม่รู้เรื่องราวประวัติชีวิตของเรา เลยว่า ก่อนมาเกิดมาจากไหน อยู่ที่ตรงไหน และ มีชีวิตอยู่กันอย่างไร เราผ่านมากี่ชีวิตแล้ว ยังไม่รู้เลย เพราะฉะนั้นคำว่า “อวิชชา” ยังมีอยู่ แปลว่า ความไม่รู้จริง ก็เอาตรงนี้มาบังคับ ทำให้เราไม่รู้ เรื่องราวของเรา ไม่รู้เรื่องราวของคนอื่น ไม่รู้เรื่องราว ในสังสารวัฏว่า ทำไมหน้าตาเราถึงแตกต่างกัน อ้วนผอม ดำขาว สูงต่ำ ฐานะความเป็นอยู่ ความ นึกคิด ความเชื่อ ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณีที่แตกต่าง แตกต่างคือความแตกแยก เมื่อแตกแยกก็ ไม่รวมกัน เราไม่รู้เรื่อง เช่น ทำไมมนุษย์ไปมา หาสู่กันไม่ได้ ทำไมมนุษย์สื่อสารกันไม่ได้แม้ใน บ้านเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน บางทีก็สื่อสารไม่ ได้ นี่แหละคือส่วนหนึ่งที่พญามารเขาทำเอาไว้ อยู่ใน se) หรือทำไมถึงมีความโลภ มีความโกรธ มีความหลง มาร ๕ โดยสรุปก็คือ มาร ๕ ฝูง คือ กิเลสมาร ขันธมาร เทวบุตรมาร มัจจุมาร อภิสังขารมาร ฝูงนี้ เป็นเครื่องมือของพญามารตัวจริง ที่ เขาปล่อยมาร ๕ ฝูง เข้ามาบังคับบัญชาสรรพสัตว์ ทั้งหลาย บังคับตั้งแต่ อรูปพรหม พรหม ทิพย์ มนุษย์ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันต จักรวาล บังคับบัญชากันมามากมาย แล้วบังคับ ทำไม เชื่อไหมเราตอบไม่ได้ แต่พระเดชพระคุณ หลวงปู่ตอบได้ ว่าบังคับทำไม ที่ให้แตกต่างกัน นี้ ไม่เหมือนกันสักคน แม้ฝาแฝดก็ไม่เหมือนกัน ก็ เหมือนแฝดคนละฝา จะมีความแตกต่าง แตกต่าง คือแตกแยก มนุษย์จึงรวมกันไม่ได้ แล้วทำไม มนุษย์จึงรวมกันไม่ได้ เชื่อไหมจ๊ะ พระเดชพระคุณหลวงปู่ตอบได้ เพราะท่านเข้าไปค้นถึงต้นเหตุ เหตุมีมาอย่างไร ในที่สุดก็ค้นพบว่า มีแต่บุญกับบาปเท่านั้นที่สู้กันอยู่ ปะทะกันอยู่ แต่เดิมมนุษย์ไม่ได้เป็นสภาพอย่างนี้ มีสภาพดีกว่านี้มาก แต่มันเสื่อมมันแตกต่างเรื่อยๆ กันมาเลย ท่านค้นเข้าไปเจอตรงนั้น จนกระทั่งรู้ วิธีที่จะหลุดพ้นจากตรงนี้ไปได้ ในเส้นทางมรรคผล นิพพานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุ เพราะฉะนั้น การมาวันนี้ เป็นการมาดีแล้ว ที่เราได้มาบูชาครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย คือพระ เดชพระคุณหลวงปู่ ซึ่งสักวันหนึ่งเมื่อเราหยุดนิ่ง ได้ถูกส่วน ได้เข้าถึงธรรมแล้ว ความเข้าใจของเรา ก็จะค่อยๆ มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เราก็จะยิ่งมี ความซาบซึ้งและเคารพบูชาพระเดชพระคุณหลวงปู่ มากขึ้นไปเรื่อยๆ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More