ข้อความต้นฉบับในหน้า
การทำใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่
เมื่อได้
เข้าถึงพระรัตนตรัยแล้วจะได้เป็นกัลยาณมิตรให้แก่
ชาวโลก และให้พึงสังวรระวังว่า ในขณะที่ไปทำ
หน้าที่กัลยาณมิตร ไปชักชวนคนมาสร้างความดี
อย่าได้ไปเบียดเบียนบังคับใครเพื่อให้เขามาเชื่อหรือ
มาตามเรา ให้เขาใช้สติปัญญาใคร่ครวญดูด้วย
เหตุผลไปตามความเป็นจริง และตัดสินใจเชื่อด้วยตัว
เอง ซึ่งบรรพชิตหรือนักสร้างบารมีที่ดีควรจะทำอย่าง
นี้ ที่กล่าวมานี้คือคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทุกๆ พระองค์ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และที่จะบังเกิด
ขึ้นในอนาคต พระองค์จะสอนตรงกันหมด
นอกจากนี้แล้ว พระพุทธองค์ยังทรงให้หลักการ
ในการเผยแผ่ ซึ่งเป็นหลักวิชชาชีวิตที่สำคัญ ที่จะ
ต้องนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเริ่มต้นด้วยการละชั่วทำดี
ทำใจให้ใส ทรงมีพระพุทธดำรัสว่า “สัพพะปาปัสสะ
อะกะระณัง" การไม่ทำบาปทั้งปวง “กุสะลัสสปะสัม
ปะทา” การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม “สะจิตตะปะริโย
ทะปะนัง” การทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว “เอตัง
พุทธานะสาสะนัง” นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทั้งหลาย
หลักการนี้เป็นหัวใจสำคัญ ที่พุทธบริษัททั้ง ๔
จะต้องนำไปใช้ในชีวิตจริง และเอาไปแนะนำชาวโลก
โดยยึดมั่นหลัก ๓ ประการ คือ ให้เว้นจากความ
ทุจริตทางกาย ทางวาจา และทางใจ ให้ประกอบแต่
สุจริตธรรมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ และต้องหมั่น
ทำใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ พูดง่ายๆ คือ ให้หักดิบเลิก
ทำความชั่วทุกชนิด ตั้งใจทำแต่ความดี มีทาน ศีล
ภาวนา ประพฤติอ่อนน้อม ขวนขวานในกิจที่ชอบ
อุทิศส่วนกุศล อนุโมทนาบุญ ฟังธรรม ให้ธรรมทาน
และทำความเห็นให้ตรงต่อหนทางพระนิพพาน โดย
เฉพาะบุญละเอียดที่ต้องทำให้มาก คือ ให้หมั่นเจริญ
สมาธิภาวนาทุกวันอย่าได้ขาด
นอกจากนี้ พระพุทธองค์ทรงให้วิธีการดำเนิน
ชีวิตที่ถูกต้องสมบูรณ์ เป็นหนทางไปสู่การมีชีวิตที่
บริสุทธิ์บริบูรณ์ ซึ่งมีแนวทางปฏิบัติดังต่อไปนี้คือ
“อนูปะวาโท” ไม่ให้ไปว่าร้ายใคร “อนุปะมาโต” ไม่
ให้ไปทำร้ายใคร “ปาฏิโมกเข จะ สังวะโร” ให้
สำรวมในศีล ถ้าเป็นบรรพชิตก็สำรวมในพระปาฏิโมกข์
“มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง” ให้รู้จักประมาณในการ
บริโภค "ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง” ให้อยู่ในเสนา
สนะอันสงัด “อะธิจิตเต จะ อาโยโค” ให้หมั่น
ประกอบความเพียรในอธิจิต “เอตัง ! พุทธานะสาสะนัง
นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
พระพุทธโอวาทนี้จะทำให้ผู้ปฏิบัติตาม สามารถ
ล่วงพ้นความทุกข์เข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้ และ
ทำให้ก้าวพ้นความเป็นปุถุชนเข้าถึงความเป็นพระ
อริยเจ้าได้ กระทั่งได้บรรลุพระนิพพานอันเกษม
โอวาทปาติโมกข์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือเนติแบบแผน
ว่าด้วยการเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระสัมมา
สัมพุทธเจ้า เพื่อให้เป็นหลักปฏิบัติของมวลมนุษยชาติ
ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะมีพระสัมมา
สัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้พระองค์แล้วก็ตาม ก็ยังคงมี
การสืบทอดและให้ยึดหลักการนี้ไว้เป็นแนวทางใน
การเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน
ในวันนี้ เราได้พร้อมใจกันมาทำตามพระพุทธ
โอวาท มาประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระ
รัตนตรัย ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด ถ้าเราได้เข้าถึง
พระรัตนตรัยก็จะได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธที่แท้จริง เป็น
พุทธบุตร พุทธสาวก พุทธสาวิกาที่สมบูรณ์ เป็นผู้ที่
จะช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบ
ต่อไป สิ่งที่เรากำลังปฏิบัติอยู่นี้ เรียกว่าการปฏิบัติบูชา
เป็นการบูชาอันสูงสุดแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและ
พระอรหันต์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นทางมาแห่งมหากุศลอัน
ยิ่งใหญ่ของเรา
เมื่อเราปรารถนาบุญใหญ่ และอยากจะให้ชีวิต
ของเราสมบูรณ์ ก็ต้องทำตามโอวาทของพระพุทธองค์
และปฏิบัติให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ เพราะบุญกุศล
ความบริสุทธิ์ อานุภาพอันไม่มีประมาณ ล้วนประชุม
รวมกันอยู่ในกลางพระธรรมกาย ซึ่งมีอยู่แล้วในตัว
ของเราและมนุษย์ทุกๆ คนในโลก ถ้าทุกคนทั่วโลก
ได้เข้าถึงพระธรรมกาย โลกก็จะพบกับสันติสุขที่แท้จริง
สันติภาพอันถาวรก็จะบังเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นการ
ปฏิบัติตามหลักโอวาทปาติโมกข์ จึงเป็นการสร้าง
สันติสุขที่แท้จริงให้บังเกิดขึ้นในโลก
อยู่ tu ๑๕