ตำนานพญานาคสองฝั่งโขง : หน้า 6/58

ทํานาน นํานานพญานาคสองฝั่งโขง ๕ พญานาคสองฝั่งโขง มนต์เสน่ห์แห่งแม่น้ำโขง และบั้งไฟ โพนพิสัย อีกครั้ง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗ พญานาค เป็นแรงดึงดูดให้ข้าพเจ้าต้อง ปีนั้น จ่าสิบตำรวจใจ (สุดใจ) ผดุงผล เดินทางไปอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ได้ส่งจดหมายเชิญให้ข้าพเจ้าและสามีน้ำ อีกครั้ง เพื่อจะดูบั้งไฟพญานาค และพญานาค ในวันออกพรรษา ปีพ.ศ. ๒๕๔๗ นี้ ซึ่งตรง กับวันที่ ๒๘ ตุลาคม อันเป็นวันออกพรรษา ของประเทศไทย และวันที่ ๒๙ ตุลาคม เป็นวันออกพรรษาของประเทศลาว ข้าพเจ้าเคยไปดูบั้งไฟพญานาค ลักษณะ เป็นดวงไฟลูกกลมๆ ผุดขึ้นมาจากแม่น้ำโขง ในคืนวันออกพรรษา ปีพ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นครั้งแรก ในชีวิต โดยการชักชวนของ ร.ต.อ.เจนณรงค์ วสุนทร หัวหน้าตรวจคนเข้าเมือง อำเภอโพน พิสัย ตอนนั้นสามีของข้าพเจ้ารับราชการเป็น ตำรวจตระเวนชายแดนอยู่ที่โพนพิสัยเช่นกัน ข้าพเจ้าเห็นแล้ว บอกตามตรง ไม่เชื่อว่า ดวงไฟสว่างซึ่งผุดขึ้นจากแม่น้ำโขงในคืนวัน ออกพรรษา เป็นสายสวยงามตลอดลำน้ำโขง ในเขตอำเภอโพนพิสัยนั้น จะเป็นดวงไฟที่ พญานาคพ่นออกมาเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า ผ้าป่าไปทอด เพื่อนำเงินมาซื้อสังกะสีมุง หลังคากันแดดกันฝนให้พระพุทธรูปในวัดร้าง ข้างหมู่บ้าน ซึ่งเหลือแต่เสาเพียงไม่กี่ต้น กับพระพุทธรูปโบราณขนาดใหญ่ ๓ องค์ ผ้าป่าครั้งนั้นได้เงินมาประมาณ 5 หมื่น บาท จากการจำหน่ายเทปบันทึกเสียงของ ลูกน้ำผึ้ง" ซึ่งเธอเป็นนักร้องดาวรุ่งของวง สุนทราภรณ์ แบ่งไปทอดที่วัดพระธาตุบังพวน อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย (เป็นวัดเก่า แก่สร้างโดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ โบราณแห่งราชอาณาจักรล้านช้าง) และทอดที่ วัดอุทุมพร อำเภอโพนพิสัย วัดละ ๓ หมื่น บาท เท่าๆ กัน วันออกพรรษาของไทยมักจะก่อนวัน ออกพรรษาของลาวหนึ่งวัน แต่ก็มีบางปีที่ มาพ้องตรงกัน โดยปกติบั้งไฟจะขึ้นมากใน วันออกพรรษาลาว แต่วันออกพรรษาของไทย คิดว่าน่าจะเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ บั้งไฟจะยังไม่ขึ้น หรือถ้าขึ้นก็น้อยมาก มากกว่า แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าเป็นธรรมชาติ ของอะไร นี่เป็นปัญหาคาใจมา จนกระทั่งได้ ปีพ.ศ. ๒๕๓๗ ข้าพเจ้าไปในวันออก พรรษาไทย ก็มีให้ดูเพียงดวงเดียว เป็นบั้งไฟ มีโอกาสกลับไปทอดผ้าป่าที่วัดอุทุมพร อำเภอ ดวงใหญ่ ประมาณผลแตงไทยขนาดเขื่องๆ *น้ำผึ้ง = นางสาวปิยะนารถ ปั่นเฟือง