ข้อความต้นฉบับในหน้า
ตำนานเมืองสุวรรณโคมคำ - ๕๑
เขินขาดเป็นพื้นแผ่นดินราบ เป็นที่ประดิษฐาน ต่อเพื่อน ทำให้พญาศรีสัตนาคพ่ายแพ้ภัยตน
บ้านเมือง ภายหลังจะมีพระยาตนหนึ่งมี ต้องพาบริวารออกไปจากหนองกระแส ขุด
บุญญาภิสมภาร จักได้มาตั้งมหานครที่ตำบล ควักเส้นทางลงมาทางใต้ จนถึงเมืองโพธิสาร
หนองนี้ สถานที่นี้จักเป็นที่ตั้งศาสนา หลวง หรือเวียงจันทน์ ในปัจจุบัน (เดิมเรียก
พระพุทธเจ้าอีก ๔ พระองค์ จะมาอุบัติตรัส
ในโลกนี้ในภายภาคหน้า
พญาศรีสัตนาคและพญานหุตนาค เป็น
สหายร่วมสาบานกัน ต่างปกครองบริวารอยู่
กรุงศรีสัตนาคนหุต) เส้นทางที่ขุดควักนั้นเป็น
เส้นทางน้ำขนาดใหญ่ไหลลงมหาสมุทร เรียกว่า
ขละนัที หรือ แม่น้ำโขง
ต่อมาน้ำในหนองน้ำลำธารเล็กลำธาร
ในถิ่นตน เมื่อได้อาหารแปลกๆ มีรสอร่อยก็ น้อยได้แห้งขอดลงเป็นพื้นแผ่นดิน เกิดเป็น
จะแบ่งปันส่งไปให้แก่กันด้วยน้ำใจไมตรี เป็น ป่าเป็นดง เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทั้งหลาย
เช่นนี้ตลอดมา
สองฝากฝังขละนัทจึงเป็นที่ตั้งบ้านเรือนหมู่บ้าน
วันหนึ่ง พญาศรีสัตนาค จับได้ช้างเป็น สืบมาตราบเท่าทุกวันนี้
อาหาร ก็แบ่งเนื้อช้างไปให้พญานหุตนาค
ด้วยความยินดีว่า ได้ให้สิ่งที่ดีทั้งมีปริมาณ
มากแกสหาย
ต่อมาไม่นาน พญาศรีสัตตนาคก็ได้รับ
อาหารจากพญานหุตนาค เป็นเนื้อเม่น พญา
ศรีสัตนาคเห็นว่า สัตว์นี้ ขนยังมีขนาดใหญ่โต
ถึงเพียงนี้ ถ้าตัวของมันจะมีขนาดมหึมา
สักเพียงไหน แต่เพื่อนกลับแบ่งให้เราเพียง
เล็กน้อย ล้วนมีแต่ขนแหลมเป็นขวาก ฤา
สหายมีจิตคิดเหยียดหยามเรา ส่งมาเพื่อ
หาเหตุบริภาษเรา
พญาศรีสัตนาคทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ ยิ่งคิด
ยิ่งเห็นหนามเม่น ก็ยิ่งรู้สึกทิ่มแทงใจ จึงยก
พลบริวารไปบุกเมืองของพญานหุตนาค แต่
ด้วยความสัตย์ พญานหุตนาคมิได้มีใจคิดร้าย